น.ส.กัลยาณี รุทระกาญจน์ เลขาธิการศูนย์ประสานงานลูกหนี้แห่งชาติ พร้อมด้วย พ.ต.ท.บุญมี จีระเรืองรัตนา ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายศูนย์ฯ ผู้รับมอบอำนาจ นำผู้เสียหายรวม 12 ราย เดินทางมายื่นฟ้อง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอรวม 18 ราย เป็นจำเลย ต่อ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฐานสมคบร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต, สมคบกันเกินกว่า 5 คนในลักษณะเป็นซ่องโจรและเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอาชญากรรมในกระบวนการฟอกเงิน พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547
กลุ่มผู้เสียหายทั้ง 12 ราย ระบุว่า ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำผิดตาม พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 โดยอธิบดีดีเอสไอได้รับคำร้องทุกข์ไว้เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2559 จำนวน 6 คดี แต่ดีเอสไอไม่ดำเนินการ “สืบสวนสอบสวน” กลับใช้วิธี “ตรวจสอบข้อเท็จจริง” แทน ซึ่งเป็นการบิดเบือนอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และเป็นการขัดขวางไม่ให้ผู้ร้องทุกข์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา อีกทั้งเป็นการตัดตอนไม่ให้มีการดำเนินคดีกับขบวนการฟอกเงิน ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นสวรรค์ของการฟอกเงินและเปิดทางให้มีการปล้นโฉนดจากคนไทย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างร้ายแรง
พ.ต.ท.บุญมี เปิดเผยว่า เราฟ้องเนื่องจากมีการรับคำร้องทุกข์ไว้กว่า 2 ปีแล้วไม่ทำการสอบสวน ดำเนินการโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นอันตราย อาชญากรก็ลอยนวล คดีฟอกเงินมีความซับซ้อนมาก ทางพนักงานสอบสวนให้คำตอบผิดปกติว่ายุติ ทั้งที่ประเด็นต้องสอบสวนมีอยู่ การที่ผู้ร้องทุกข์มาร้องแล้วบอกไม่พบความผิดอาญา ผู้ร้องทุกข์อาจกลายเป็นโดนแจ้งความเท็จได้ จึงเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องมายื่นฟ้องให้รู้ว่าจริงหรือเท็จ เพื่อให้อธิบดีดีเอสไอกับเจ้าหน้าที่มาพิสูจน์ นำหลักฐานมาดู
หลังยื่นฟ้องแล้ว ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง ได้นัดฟังคำสั่งชั้นตรวจคำฟ้องในวันที่ 18 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.ว่าจะรับคดีไว้ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์หรือไม่ต่อไป