นายชัยยุทธ เชี่ยวเขตกิจ วิศวกร บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้ช่วยเร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ลักทรัพย์. ขณะที่ตนเองจอดรถพักผ่อนด้วยความอ่อนเพลียจากการทำงาน. บริเวณไหล่ทาง ของถนนกาญจภิเษก มุ่งหน้าบางนา เมื่อกลางดึกของวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 โดยคนร้ายได้ทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง สร้อยข้อมือ2 บาท โทรศัพท์ไอโฟนและเงินสด 6,000 บาท ไป จากนั้นได้แจ้งความที่สน.คันนายาว. เพื่อให้ช่วยติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี. จากนั้นได้สอบถามความคืบหน้ากับตำรวจ สน.คันนายาว. แต่ไม่มีความคืบหน้า. จนตนเองต้องไปขอภาพกล้องวงจรปิดจากเจ้าหน้าที่ทางด่วนที่สามารถบันทึกภาพขณะคนร้ายก่อเหตุได้. จึงนำหลักฐานดังกล่าวไปมอบให้กับ ตำรวจ สน.คันนายาว. แต่ตำรวจ สน.คันนายาว. กลับบอกว่า. ภาพจากกล้องวงจรปิดไม่สามารถบันทึกภาพคนร้ายได้อย่างชัดเจน. นอกจากนี้ยังได้ขอให้ตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือ. ก็ไม่สามาถเทียบลายนิ้วมือแฝงได้
กระทั่งเรื่องผ่านมา 1 ปี. แต่คดีไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด. ตนจึงตัดสินใจกลับไปจอดรถยังจุดเดิมเพื่อจับกุมคนร้ายด้วยตัวเองแต่กลับถูกคนร้ายลักทรัพย์ไปอีกรอบ ทั้งกระเป๋าเงิน และโทรศัพท์มือถือ รวมแล้วทรัพย์สินที่สูญหายไปสองครั้ง 300,000 บาท จึงเข้าแจ้งความที่สน.คันนายาวอีกครั้งแต่ก็ไม่คืบหน้า จึงเข้าแจ้งความที่กองปราบเพื่อให้ติดตามตัวคนร้าย และเขื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกเป็นจำนวนมากที่น่าจะตกเป็นเหยือของคนร้ายกลุ่มนี้
