Uncategorized ภูมิภาค

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับอดีตแท็กซี่ลักลอบขนแรงงานต่างด้าว พบมีการใช้แอป Zello ติดต่อพูดคุยข้ามฝั่งจากไทยไปเมียนมาร์

กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.คงกฤช เลิศสิทธิกุล รรท.ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ปรท.รอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิตะบุตร รอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ.สมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.กปภ.รรท.ผกก.2 บก.ทล.,พ.ต.ท.วิศษฏ์ มินเสน รอง ผกก.2 บก.ทล.,พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์ รอง ผกก.6 บก.ปปป.รรท. รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ค้ำคูณ สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.อำนาจ สีนวล, ร.ต.อ.พงษ์เชษฐ์ นุ่มมาก รอง สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล., ว่าที่ร.ต.ท.กุศล ยะฝั้น รอง สว.(ป.) ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล.

​ร่วมกันจับกุม
​ ​1. นายภราดรฯ​อายุ 46 ปี ​สัญชาติ ไทย​ผู้ต้องหาที่ 1
​2. น.ส.เอเอไข่ ​อายุ 37 ปี​สัญชาติ เมียนมาร์​​​ผู้ต้องหาที่ 2
3. น.ส.เอเอมน​อายุ 32 ปี ​สัญชาติ เมียนมาร์ ​​ผู้ต้องหาที่ 3
4. น.ส.โมโมจ่อ​​อายุ 29 ปี ​สัญชาติ เมียนมาร์​​ผู้ต้องหาที่ 4
5. น.ส.ซาจี​​อายุ 28 ปี​สัญชาติ เมียนมาร์ ​​ผู้ต้องหาที่ 5
6. น.ส.ตินตินส่วย​อายุ 40 ปี​สัญชาติ เมียนมาร์ ​ผู้ต้องหาที่ 6
และมีผู้ติดตามผู้ต้องหาที่ 6 ชื่อ ด.ญ.จีนูคิด อายุ 14 ปี สัญชาติเมียนมาร์

​โดยกล่าวหาว่า
​ผู้ต้องหาที่ 1 “ช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย”
​ผู้ต้องหาที่ 2 – 6 และผู้ติดตามผู้ต้องหาที่ 6 กระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”

พร้อมตรวจยึดของกลาง
1. รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา จำนวน 1 คัน
2. กุญแจรถยนต์ จำนวน 1 ดอก
3. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง

สถานที่จับกุม ​ทางหลวงหมายเลข 340 กม.89 – 90 (ขาเข้า กทม.) ม.1 ต.วังน้ำซับ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี


​พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย โดยใช้เส้นทางต้นทางจาก ต.นาโบสถ์ อ.วังเจ้า จ.ตาก-อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร – อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี – แยกบ้านไร่ จ.อุทัยธานี – อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี – อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ​ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. รถวิทยุตรวจการณ์ได้ออกตรวจสังเกตุการณ์ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ โดยพบรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีเทา ซึ่งตรงสงสัยว่าเป็นรถยนต์นำพาบุคคลต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย ขับขี่มาตามถนนสุพรรณบุรี-ชัยนาท ทางหลวงหมายเลข 340 (ขาเข้ากรุงเทพฯ) ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านท้าย และมีลักษณะบรรทุกสิ่งของหนัก เจ้าหน้าที่จึงได้ขับติดตามรถยนต์ คันดังกล่าว และได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยได้ใช้สัญญาณเสียง รวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟน เพื่อให้รถคันดังกล่าวหยุด โดยจากการตรวจสอบพบ นายภราดรฯ แสดงตนเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ คันกล่าว ภายในรถยนต์พบผู้ต้องหาที่ 2-6 และผู้ติดตามผู้ต้องหาที่ 6 นั่งอยู่ภายในรถบริเวณด้านหน้าและที่นั่งด้านหลัง โดยทั้งหมดไม่มีเอกสารหลักฐานประจำตัว และเอกสารยืนยันตัวตนที่ราชการออกให้มาแสดง

​จากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพว่า ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปรับบุคคลต่างด้าวที่ ต.นาโบสถ์ อ.วังเจ้า จ.ตาก โดยมีชายไทย ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง ติดต่อพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชัน zello เพื่อให้เดินทางมารับผู้ต้องหาที่ 2-6 และผู้ติดตามผู้ต้องหาที่ 6 พาไปส่งปลายทางที่กรุงเทพฯ โดยเมื่อใกล้ถึงปลายทางจะมีชาย ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง โทรติดต่อมาอีกครั้ง นอกจากนี้ผู้ต้องหายังให้การยอมรับอีกว่าได้ลักลอบขนย้ายบุคคลต่างด้าวมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ตนจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวน 9,000 บาท หากเสร็จสิ้นการขนย้ายบุคคลต่างด้าว


จากการสอบถามบุคคลต่างด้าว ให้การยอมรับว่า ได้เดินทางมาจากประเทศเมียนมาร์ เข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ จ.ตาก จากนั้นได้เดินเท้าต่ออีกประมาณ 4 ชั่วโมง มาขึ้นรถยนต์กระบะที่บริเวณป่ารกชัฎ โดยในระหว่างการเดินทางจะมีการเปลี่ยนรถยนต์รับส่งเป็นช่วงๆ ซึ่งปลายทางการเดินทางจะมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ทั้งนี้บุคคลต่างด้าวยังให้การยอมรับอีกว่า พวกตนจะต้องจ่ายเงินค่าเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เป็นจำนวนประมาณ 14,000 – 15,000 บาท โดยได้จ่ายเงินให้นายหน้าชาวเมียนมาร์ ก่อนจะออกเดินทางหลบหนีเข้าประเทศไทย

​ภายหลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาทำบันทึกจับกุม และได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีประจันต์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย​ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติ นายภราดรฯ ผู้ต้องหาที่ 1 พบว่าเคยก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้มาแล้ว โดยใช้รถแท็กซี่ในการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว ซึ่งภายหลังจากถูกจับกุมดำเนินคดีและถูกยึดรถแท๊กซี่ คันก่อเหตุแล้ว ผู้ต้องหาก็ได้กลับมาก่อเหตุในลักษณะเช่นเดิมอีก สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา

Related Posts