พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 6 ร่วมกันถวายเงินคืนแด่พระราชมงคลวัชราจารย์ (พัฒน์ ปุญญกาโม) จำนวน 63,034,470 บาท หลังเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันทำการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีได้มีหนังสือร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของกลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน (ธารทหาร) อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ และคนใกล้ชิดพระราชมงคลวัชราจารย์ หรือ หลวงพ่อพัฒน์ ปญฺญกาโม เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ได้มีกลุ่มลูกศิษย์ของหลวงพ่อพัฒน์ฯ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ว่ากลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน และ คนใกล้ชิดซึ่งมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัดและมีฐานะเป็นเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน และมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการกิจนิมนต์และการดูแลสุขภาพของหลวงพ่อพัฒน์ฯ ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี พร้อมขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินผู้ใกล้ชิดของหลวงพ่อพัฒน์ฯ
จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้มีการลงพื้นที่ทำการสืบสวนสอบสวน พบว่าหลวงพ่อพัฒน์ฯ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีความเมตตาสูง จนทำให้มีประชนชนและลูกศิษย์ เลื่อมใส ศรัทธา เคารพนับถือจำนวนมาก จึงทำให้มีผู้มาขอให้หลวงพ่อพัฒน์ฯ ปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ และถวายเงินแด่หลวงพ่อพัฒน์ฯ เป็นเงินปีละกว่า100 ล้านบาท หลวงพ่อจะนำเงินที่ได้รับถวายใช้ในการทำนุบำรุงศาสนาและให้หน่วยงานที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ เพื่อสาธารณประโยชน์ เช่น วัด โรงพยาบาล และโรงเรียนต่างๆ จำนวนมาก โดยไม่ได้นำเงินไปใช้ในทางส่วนตัว
พร้อมกันนี้ยังได้ตรวจสอบกลุ่มไวยาวัจกรและคนใกล้ชิดหลวงพ่อพัฒน์ฯ คือ นายเสนาะฯ, นางชัญญาฯ และนางบุญเชิดฯ ทั้ง 3 ราย ประกอบอาชีพเกษตรกร ไม่ได้ประกอบอาชีพที่มีรายได้สูง พบว่ามีการนำเงินไปเข้าบัญชีในชื่อตนเอง จำนวน 7 บัญชี รวมเป็นเงินกว่า 63 ล้านบาท บาท เชื่อว่าเป็นเงินของหลวงพ่อพัฒน์ฯ จึงได้อายัติเงินในบัญชีดังกล่าวไว้ และเข้าตรวจสอบภายในวัดห้วยด้วน พร้อมได้ตรวจยึดเอกสารและหลักฐานต่างๆ นำมาตรวจสอบ
สอบถามหลวงพ่อพัฒน์ฯ ได้ความว่าเงินที่ได้รับการถวาย หลวงพ่อพัฒน์ฯ จะให้กลุ่มไวยาวัจกรและคนใกล้ชิดนำเงินไปฝากในบัญชีส่วนตัวเพื่อสะดวกในการเบิกเงินมาใช้ในการสร้างเจดีย์กลางน้ำและสาธารณประโยชน์ ซึ่งจำได้ว่ามอบเงินให้ไปฝากประมาณ 28 ล้านบาท เท่านั้น และเมื่อถึงกำหนดการจ่ายค่างวดก่อสร้างเจดีย์กลางน้ำ หลวงพ่อพัฒน์ฯ ได้ให้นายเสนาะฯ ไปถอนเงิน จำนวน 15 ล้านบาท เพื่อมาจ่ายให้กับผู้รับเหมา แต่นายเสนาะฯ ไม่ยอมถอนเงินมาให้ทำให้หลวงพ่อพัฒน์ฯ ต้องหาเงินจากส่วนอื่นมาจ่ายค่าก่อสร้างเจดีย์กลางน้ำแทน
จากการสืบสวนเบื้องต้นไวยาวัจกรทั้ง 3 ราย รับว่าเงินจำนวน 63 ล้านบาท เป็นเงินของหลวงพ่อพัฒน์ฯ และยินยอมทำบันทึกสมัครใจถอนเงินจำนวนดังกล่าวมาถวายคืนแด่หลวงพ่อพัฒน์ฯ ส่วนเงินในบัญชีธนาคารของนายเสนาะฯ จำนวน 1 บัญชี เป็นเงิน 7.9 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ได้อายัติไว้เพื่อตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ การกระทำของไวยาวัจกรวัดห้วยด้วน (ธารทหาร) ทั้ง 3 ราย ที่เป็นเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 45 แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505) ซึ่งพนักงานสอบสวนของ บก.ปปป. ได้แสวงหาข้อเท็จจริง รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้นไว้แล้วนั้น พนักงานสอบสวน บก.ปปป. ต้องส่งสำนวนการสอบสวนดังกล่าวให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ เพื่อไต่สวนและวินิจฉัยว่ามีการกระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ ตามมาตรา 61 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561