กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้พ.ต.อ.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ รอง ผบก.ป. รรท.ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์ รอง ผกก.3 บก.ป. ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป., พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส, พ.ต.ท.กรกช ยงยืน, รอง ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร, พ.ต.ท.นพรัตน์ คำมาก รอง ผกก.2 บก.ปทส. ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป. และ พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล รอง ผกก.2 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ สว.กก.2 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.2 บก.ป. และ เจ้าพนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ นำโดย นายธีรเดช พวงเงิน (นักสืบสวนคดีทุจริตชำนาญการ)
ร่วมกันจับกุม น.ส.พัชนิดา หรือ ภารดี (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ 21/2564 ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือ ใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต”
พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจาก น.ส.พัชนิดาฯ ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติงานด้านการเงินและบัญชีเงินงบประมาณในการจัดฝึกอบรม/สัมมนา สำนักฝึกอบรม หน่วยงานของรัฐเเห่งหนึ่ง ได้ดำเนินการเสนอเรื่องขออนุมัติยืมเงินทดรองราชการ ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 – 18 กันยายน 2560 ในโครงการอบรมจำนวน 16 โครงการ โดยทางผู้ต้องหาได้มีการนำเงินที่เหลือจากโครงการมาใช้ส่วนตัว แต่ก็ยังจัดทำเอกสารการคืนเงินดังกล่าวให้กับหน่วยงาน เพื่อดำเนินการหักล้างบัญชีเงินทดรองราชการตามระเบียบฯ ซึ่งภายหลังทางหน่วยงานตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหามีการแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยมีการเบียดบังเงินทดรองราชการส่วนที่ต้องส่งคืนแก่หน่วยงานไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว จำนวน 16 โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,696,051 บาท ทางหน่วยงานจึงได้มีการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ต้องหา
กองบังคับการปราบปราม เล็งเห็นว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมทุจริต แสวงหาประโยชน์อันมิควรชอบ ทำให้ราชการได้รับความเสียหาย เพื่อป้องปรามผู้กระทำผิดรายอื่นๆ ให้เห็นว่าการกระทำผิดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงได้สั่งการให้ กก.2 บก.ป. ดำเนินการเร่งรัดจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว