ตำรวจกองปราบปราม ร่วมกันจับกุม นายวินัย (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเลย ที่ 20/2564 ลงวันที่ 16 มี.ค.64 ในฐานความผิด “ฉ้อโกง” จับกุมได้ที่บริเวณบ้านพัก ม.8 ต.นาดินดำ อ.เมือง จ.เลย เมื่อวันที่ 17 พ.ค.64
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 2558 ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน อ.เชียงคาน จ.เลย ได้มีนายวินัยฯ เข้ามาเช่าห้องพักอาศัยในรีสอร์ทดังกล่าว โดยนายวิชัยฯ ได้เข้ามาตีสนิทกับนางลลดาฯ ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ท และอ้างตัวว่าเป็นนายทหารยศพลอากาศตรี สังกัดกองทัพอากาศ เดินทางมาราชการในที่ จ.เลย อ้างว่าสนิทสนมกับนายทหาร และข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจในพื้นที่ อ.เชียงคาน หลายคน พร้อมกับแสดงภาพตนเองแต่งเครื่องแบบติดยศ “นายพล” ให้ผู้เสียหายดู จนผู้เสียหายหลงเชื่อ ยอมติดต่อพูดคุยกับนายวินัยฯ
ต่อมานายวิชัยฯ ได้ชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนธุรกิจโรงรับจำนำกับตน โดยอ้างว่าตนเองมีโรงรับจำนำที่ให้ลูกน้องบริหารอยู่ที่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น และในช่วงนี้มีประชาชนนำสิ่งของมาจำนำจำนวนมาก ทำให้เงินสดขาดสภาพคล่อง จึงชักชวนให้ผู้เสียหายมาลงทุนด้วย ซึ่งทางผู้เสียหายได้ร่วมลงทุนเงินก้อนแรก จำนวน 50,000 บาท ต่อมาไม่นานนายวินัยฯ ก็ได้นำเงินปันผลมาให้ผู้เสียหาย จึงทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่ามีการทำธุรกิจจริง ผู้เสียหายจึงได้นำเงินสดไปลงทุนอีกหลายครั้ง ครั้งละ 40,000 – 50,000 บาท รวมทั้งหมดเป็นเงิน 1,253,000 บาท
ในช่วงแรก นายวินัยฯ ยังนำเงินปันผลมาคืนให้ผู้เสียหาย จากนั้น เงียบหายไม่นำผลตอบมาให้และเริ่มติดต่อยากขึ้น เมื่อทวงถามก็เริ่มบ่ายเบี่ยงอ้างเหตุผลต่างๆ นานา กระทั่งขาดการติดต่อ ผู้เสียหายจึงได้ไปติดตามตรวจสอบที่โรงรับจำนำใน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น จนพบว่าผู้ต้องหาสร้างเรื่องดังกล่าวขึ้นมา และนายวินัยฯ ไม่ได้รับราชการทหารแต่อย่างใด ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหา จนกระทั่งภายหลังที่ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดี
ศาลได้มีกำหนดให้ผู้ต้องหามาตามนัด แต่นายวินัยฯ กลับหลบหนีไม่ยอมมาศาล ตามกำหนด ศาลจังหวัดเลยจึงได้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว
ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐานเป็นภาพถ่ายหมู่ใส่เครื่องแบบยศนายพลใส่กรอบตั้งโชว์ไว้ จำนวน 2 ภาพ อยู่ภายในบ้านของผู้ต้องหา ซึ่งผู้ต้องหาเปิดเป็นร้านขายอาหาร และร้านกาแฟ ซึ่งทำให้ผู้คนที่เข้ามาทานอาหารเครื่องดื่มในร้าน เข้าใจว่าตนเองเป็นนายทหารยศนายพลจริง
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การเพิ่มเติมว่าตนเองชอบอาชีพทหารและมีความใฝ่ฝันอยากเป็นทหาร อยากเป็นนายพล จึงได้ใช้โปรแกรมตัดต่อภาพเอาใบหน้าตัวเองใส่ในรูปหมู่ที่มีการแต่งกายเครื่องแบบทหารแล้วนำมาใส่กรอบตั้งโชว์ เมื่อมีผู้มาสอบถามก็จะบอกว่าตนเองเป็นนายพลที่ปลดเกษียณแล้ว
กองบังคับการปราบปราม จึงขอเตือนภัยประชาชน ให้ระมัดระวังอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพที่ชอบอ้างตนเป็นนายทหาร สร้างความน่าเชื่อ หลอกเหยื่อในลักษณะดังกล่าว และก่อนที่ท่านจะตัดสินใจลงทุนในธุรกิจใดๆ ขอให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง