พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงการจับขบวนการทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ได้ผู้ต้องหา 50 คน หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบปราม กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 55 จุด โดยจุดหลัก ๆ อยู่ที่โรงแรมณัฐชญา รีสอร์ท และผู้เกี่ยวข้อง ในจังหวัดชัยภูมิและใกล้เคียง จำนวน 41 หมายจับ ได้ผู้กระทำผิด 36 คน ซึ่งมีทั้งเจ้าของโรงแรม เจ้าของร้านค้า คนกลางรวบรวมสิทธิ์หรือสวมสิทธิ์ ผู้รับจ้างเปิดบัญชี ผู้รับจ้างบันทึกข้อมูลจองโรงแรม ซึ่งกระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ เลย นครราชสีมา ขอนแก่น เพชรบูรณ์ และศรีษะเกษ รวมมูลค่าความเสียหายในส่วนของโรงแรมนี้ 14 ล้านบาท และร้านค้าที่ร่วมกระทำผิด 101 ร้าน ความเสียหายรวมประมาณ 87 ล้านบาท
ส่วนอีกที่คือ โรงแรมในจังหวัดภูเก็ตและเครือข่าย จับผู้กระทำผิดได้ 14 คน ซึ่งมีทั้งเจ้าของโรงแรม เจ้าของร้านค้า คนกลางรวบรวมสิทธิ์หรือสวมสิทธิ์ ผู้รับจ้างบันทึกข้อมูลจองโรงแรม และยังมีประชาชนที่ร่วมทุจริตรวมกว่า 800 ราย พบรัฐเสียหายจากโรงแรม 18 ล้านบาท และร้านค้าที่ร่วมกระทำผิด 2 ล้าน ความเสียหายเกือบ 4 ล้านบาท จากการสอบสวน พบผู้ต้องหามีการกระทำเป็นขบวนการ โดยจะมีผู้ซื้อสิทธิ ตามหาซื้อสิทธิในโครงการ โดยให้ค่าตอบแทนรายละ 400-500 บาท เมื่อประชาชนขายสิทธิให้แล้ว ผู้ซื้อสิทธิจะให้เจ้าของสิทธิติดตั้งแอปพลิเคชั่นเป๋าตังก่อน
จากนั้นผู้ซื้อสิทธิ จะนำโทรศัพท์ของเจ้าของสิทธิไปดำเนินการจองโรงแรม และใช้คูปอง หรืออีกวิธีหนึ่ง คือ จะนำข้อมูลบัตรประชาชนและซิมการ์ดที่ลงทะเบียนแล้วไปขายต่อให้กับผู้สวมสิทธิ โดยจะขายให้ผู้สวมสิทธิในราคา 800-1,000 บาท เมื่อผู้สวมสิทธิได้รับสิทธิจากโครงการดังกล่าวแล้ว จะว่าจ้างให้ผู้ร่วมขบวนการ กรอกข้อมูลเพื่อจองห้องพักกับทางโรงแรม โดยจะมีกลุ่มที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารอีกกลุ่มหนึ่ง ที่คอยทำธุรกรรมทางการเงินแทนเจ้าของสิทธิ ซึ่งหลังจากที่ผู้สวมสิทธิทำการเช็คอินตามห้องพักที่ได้ทำการจองไว้ ทางผู้สวมสิทธิจะนำคูปองที่ได้รับหลังจากเช็คอินไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่ตัวเองควบคุม
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า หากสอบสวนพบว่า ยังมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องเพิ่มเติม จะต้องขยายผลดำเนินคดีเพิ่ม เช่น ประชาชนที่จงใจร่วมใช้สิทธิ์ในลักษณะทุจริต โดยเบื้องต้นคาดมีมากถึง 9,000 คนทั่วประเทศ และเตรียมเรัยกตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ตำรวจยังพบมีลักษณะคล้ายกันนี้อีกหลายพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวหลักและจังหวัดรอง รวมอีกกว่า 900 ราย โดยอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม