นายกรกช แสงเย็นพันธ์, นางสุวรรณา ตาลเหล็ก, นายชาติชาย แกดํา, นายสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ พร้อมทนายความ เดินทางมาที่สน.ปทุมวัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในข้อหาเกี่ยวกับพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 บริเวณแยกปทุมวัน
โดยนายกรกช กล่าวว่า วันนี้มารายงานตัวตามหมายเรียกเกี่ยวกับพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่บริเวณแยกปทุมวัน ในวันที่มีการสลายการชุมนุม โดยในวันนั้น ตนเป็นผู้เข้าร่วมชุมนุมและผู้จัดการชุมนุมมีการใช้รถปราศรัยเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ซึ่งการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบและสันติ มีเพียงผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมบนพื้นผิวถนนโดยสงบยังไม่มีการกระทำรุนแรงอะไรแต่อย่างใดแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ใช้กำลังเข้ามาสลายการชุมนุม
นายกรกช กล่าวอีกว่า ทุกคนที่มารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ให้การปฏิเสธทุกข้อหา เพราะรัฐบาลออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ด้วยข้อกำหนดที่ไม่สมเหตุสมผล เช่น กรณีของขบวนเสด็จซึ่งไม่ถือเป็นเหตุร้ายแรงที่จะไปประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เจตนาที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ร้ายแรงฉุกเฉินก็เพื่อต้องการสกัดกั้นการชุมนุมที่เรียกร้องอย่างสงบและสันติให้รัฐบาลออกจากตำแหน่ง ร่างรัฐธรรมนูญและปฏิรูปสถาบัน การชุมนุมที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าไม่มีแกนนำอีกต่อไป ทุกคนเป็นแกนนำ ออกมาชุมนุมด้วยเจตนารมณ์ของตนเองตามข้อเรียกร้องต่าง ๆ ตั้งแต่ 18 ตุลาคมเป็นต้นมา
เมื่อถามว่าการชุมนุมที่ผ่านมาเรามักจะถูกออกหมายเรียกแต่ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ถูกออกหมายเรียกมองเรื่องนี้อย่างไร นายกรกช กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจคสช. มีการดำเนินคดีและยัดข้อหาต่างๆ หลายๆ คนที่อยู่ตรงนี้ก็ถูกดำเนินคดีมาตั้งแต่ยุคคสช. เราคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลทำ แต่ไม่ปกติในระบอบประชาธิปไตย