อาชญากรรม

อัจฉริยะ พา 3 ครอบครัว ร้อง อนุทิน ตรวจสอบ แพทย์รพ.ดัง ใน จ.สมุทรสาคร ทำคลอดทารกดับ 3 ราย

 

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมนำครอบครัว 3 ครอบครัว ที่ถูกหมอของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจ.สมุทรสาคร ทำคลอดตาย 3 รายรวด เดินทางมาที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อยื่นหนังสือถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยมี นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(ด้านบริหาร) เป็นผู้รับหนังสือ

 

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า สาเหตุที่เดินทางมาในวันนี้เพราะอยากให้กระทรวงสาธารณสุข ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแพทย์ที่เป็นผู้ทำคลอดให้กับ 3 ครอบครัวดังกล่าว เนื่องจากพบว่าทั้ง 3 คนทำคลอดกับหมอคนเดียวกัน และ บุตรทั้งสามคน ก็เสียชีวิต โดยอยากให้โรงพยาบาลมีการชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่า ทางโรงพยาบาลได้พยายามโน้มน้าวกับครอบครัวของเด็กที่เสียชีวิต เพื่อขอนำศพไปโดยอ้างว่าจะนำไปประกอบพิธีทางศาสนาให้ แต่ภายหลังกลับทราบว่าไม่ได้มีการนำไปประกอบพิธีทางศาสนา อีกทั้งยังนำไปส่งมอบให้กับมูลนิธิในฐานะศพไร้ญาติ จากการตรวจสอบพบว่าจำนวนศพของทารก ที่ โรงพยาบาล มอบให้มูลนิธิฯ ในวันที่ 10 ก.ย. 63 วันเดียว มีถึง 40 ศพ

โดย นางธัญญลักษณ์ เสือขำ อายุ 43 ปี 1 ในผู้เสียหาย ที่ลูกเสียชีวิต จากการทำคลอดกับแพทย์รายนี้ กล่าวว่า ตนเองได้ทำคลอดกับแพทย์รายหนึ่งของรพ.ชื่อดังของจ.สมุทรสาคร ซึ่งเมื่อมีภาวะใกล้คลอดก็ได้เดินทางไปที่รพ. แต่ทางรพ.กลับปฏิเสธที่จะทำคลอดให้และให้กลับบ้านไปแล้วเดินทางมาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเมื่อกลับทำคลอดอีกครั้งก็พบว่ามีภาวะอาการผิดปกติ ทำให้ลูกเสียชีวิต ระหว่างที่พักรักษาตัวในห้องไอซียู ทางรพ.ได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้สามีของตน มอบร่างให้รพ. เพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา ซึ่งระหว่างทางครอบครัวก็ตัดสินใจมอบให้เนื่องจากทุกคนอยู่ในช่วงเวลาที่ยังทำใจไม่ได้ ประกอบกับเป็นช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ภายหลังทราบว่า รพ.ไม่ได้นำศพลูกไปทำพิธีแต่อย่างใด อีกทั้งยังนำไปรวมกับศพทารกอื่น ๆ ส่งมอบให้มูลนิธินำไปฝังโดยระบุว่าเป็นศพไร้ญาติ ทำให้ตนเองรู้สึกใจสลาย และ ต้องการมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม รวมถึงอยากสอบถามข้อเท็จจริงว่าเหตุใดรพ.จึงทำเช่นนั้น

อย่างไรก็ตาม นพ.สุระ กล่าวภายหลังรับเรื่องระบุว่า จากนี้ จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับกรณีนี้ โดยมีกรอบระยะเวลาดำเนินการตามขั้นตอนประมาณ 3 เดือน พร้อมยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไป

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *