นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน นำหลักฐานเป็นสำนวนในคดีของนายธวัชชัย จำนวน 162 แผ่น พร้อมภาพถ่ายพื้นที่โตรงการศรีพันวารีสอร์ท และบุคคลสำคัญที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง มามอบให้ พันตำรวจโทกรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ให้ตรวจสอบเพราะเชื่อว่าอาจมีการออกเอกสารสิทธิถือครองที่ดินโดยมิชอบ และเชื่อว่ามีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ความพยายามเข้าไปตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รัฐที่ผ่านมาไม่สำเร็จ
นายวีระ เปิดเผยว่า กรณีที่ดินของโครงการศรีพันวารีสอร์ท มีหลายประเด็นที่ต้องตรวจสอบ ทั้งประเด็นเจ้าของที่ดินคนแรกที่ไปขอออกเอกสาร นส.3 ก. ก่อนจะนำที่ดินไปขายให้เจ้าของโรงแรมศรีพันวา ได้มีการออกเอกสารสิทธิเป็น น.ส.3 ก. โดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากแต่เดิมเมื่อ40ปีที่ผ่านมา มีชาวบ้านหลายครอบครัว หลายชนเผ่า อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้และเคยพยายามยื่นขอออกเอกสารสิทธิกับเจ้าพนักงานที่ดิน แต่ได้รับการปฏิเสธ อ้างว่าเป็นเขตป่าสงวน และกองทัพเรือสงวนสิทธิเอาไว้ แต่ต่อมาเมื่อมีนายทุนเข้ามาขอซื้อ ทำไมถึงสามารถออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. ให้ได้
นอกจากนี้ยังพบว่ากรณีที่ดินแห่งนี้ อาจมีความเกี่ยวข้องกับคดีนายธวัชชัย อนุกูล ผู้ต้องหาในคดีปลอมแปลงเอกสารและออกเอกสารสิทธิในที่ดินจังหวัดพังงาและภูเก็ตโดยมิชอบ เนื่องจากพบว่าลักษณะที่ดินที่นายธวัชชัย เคยออกเอกสารสิทธิให้ มีลักษณะคล้ายกับที่ดินของโครงการศรีพันวารีสอร์ท คือการออกโฉนดบนพื้นที่ภูเขา ที่มีความลาดชันเกินกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ หรือ 19.2 องศา โดยตามกฎหมายไม่สามารถที่จะออกให้ได้ ดังนั้นตนเองจึงต้องการให้ดีเอสไอเข้าตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ที่ออกเอกสารสิทธิให้คือนายธวัชชัย อนุกูล หรือไม่
ทั้งนี้ นายวีระ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ไม่สาเหตุเข้าไปตรวจสอบโครงการแห่งนี้ได้ อาจมีอิทธิพลจากบุคคลบางกลุ่ม ที่ทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความเกรงใจไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นส่วนตัวเชื่อว่าคดีนี้มีความซับซ้อน มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ และท้าทายกฎหมาย
ด้านอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า กรณีการร้องเรียนที่ดินโครงการศรีพันวรีสอร์ทที่ผ่านมา ยังไม่มีใครเข้ามาร้องเรียน ซึ่งมีนายวีระเป็นรายแรก ดังนั้นจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว แต่เบื้องต้นพบว่าที่ดินนี้มีการถือครองสิทธิมากว่า 40 ปี และถูกเปลี่ยนเจ้าของมาหลายมือแล้ว อาจทำให้เอกสารบางอย่างไม่ครบถ้วนหรือสูญหายได้ รวมทั้งต้องประสานขอเอกสารถือครองสิทธิจากกรมที่ดินมาตรวจสอบว่ามีการออกเอกสารในลักษณะใด ถูกต้องหรือไม่