วันนี้ ( 16 ก.ค.) ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ ผกก.1 บก.ทท.2 ในฐานะโจทก์ ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอยกเลิกการไกล่เกลี่ยคดี กรณียื่นฟ้องกลับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) จำเลยในฐานความผิด “ฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ”
จากกรณีที่โจทก์เคยถูกจำเลยกล่าวหาว่าร่วมกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร. กลั่นแกล้งดำเนินการทางวินัยจำเลย เมื่อปี2554 ต่อมา ศาลชั้นต้น และศาลชั้นอุทธรณ์ ได้ยกคำร้อง โดยเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2563 โจทก์ไม่ได้ตอบคำถามศาลด้วยตัวโจทก์เองแต่ให้ทนายโจทก์ตอบ จึงเกิดการเข้าใจว่าจะมีการไกล่เกลี่ย ซึ่งไม่ใช่ความประสงค์ของโจทก์ ในวันนี้จึงได้มายื่นคำร้องขอยกเลิก โดยมีผู้ให้การสนับสนุนมามอบดอกไม้เพื่อกำลังใจ กว่า 10 คน ก่อนที่ พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ จะไปยื่นคำร้องกับเจ้าหน้าที่กลุ่มงานรับคำร้องของศาลอาญา
พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กล่าวว่า ตนเองไม่ประสงค์ที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จำเลยใดๆทั้งสิ้น เพราะว่า ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2555 ตนเองซึ่งมีครอบครัวอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ โดนโยกย้ายไปอยู่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยความไม่สมัครใจ นานเกือบ 5 ปี ได้รับความเดือดร้อนและทุกข์แสนสาหัส จากการโดนฟ้องร้องเป็นคดีอาญาหลายคดี ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย
ส่วนประเด็นของความขัดแย้งระหว่างตนเองกับพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นั้นเริ่มจากประชาชนร้องเรียนเรื่องส่วยคาราโอเกะในพื้นที่ จ.นครพนม ยุคที่ พล.ต.ท.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นผบ.ตร.และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.ค.2554 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จึงได้ฟ้องพล.ต.อ.วิเชียร กับลูกน้อง 11 คน รวมทั้งตนเองด้วย แต่สุดท้ายก็ต่อสู้คดีจนยุติเสร็จสิ้นทุกคดี แต่ก็ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนอย่างมากจากการถูกโยกย้ายไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า ยืนยันจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุดเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม เพื่อความถูกต้องของสังคม และอยากให้ศาลพิพากษาลงโทษตามกฎหมาย