เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฏาคม 2563 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ตรวจค้น บริษัท แห่งหนึ่งในพื้นที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังพบข้อมูลว่า มีการหลีกเลี่ยงหรือลักลอบนำเข้าเนื้อวัวหรือซากวัวส่วนอื่น ๆ จากต่างประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ มูลค่าความเสียหายสินค้ากว่า 130 ล้านบาท
กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีภาษีอากร ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อวัวหรือซากวัวส่วนอื่น ๆ จากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย หรือมีการหลีกเลี่ยงนำเข้าเนื้อวัวหรือซากวัวส่วนอื่น ๆ โดยผ่านพิธีการศุลกากร แต่ผู้นำเข้าไม่ได้ขออนุญาตจากอธิบดีกรมปศุสัตว์ ให้นำเข้าเนื้อวัวหรือซากวัว
จากการสืบสวนทราบว่า ระหว่างวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 ถึงวันที่ 24 เมษายน 2562 ต่อเนื่องกัน บริษัทดังกล่าว ได้นำเข้าสินค้าประเภท สัตว์หรือซากสัตว์ จำนวน 226 ใบขนสินค้า สำแดงสินค้าในพิกัดศุลกากร 0262900 ชำระอากรขาเข้าร้อยละ 30 แต่จากการตรวจสอบใบขนสินค้าขาเข้าของบริษัทฯ กับใบอนุญาตนำเข้าเนื้อวัวและชิ้นส่วนของวัวที่กรมปศุสัตว์อนุญาตให้บริษัทฯ นำเข้า ปรากฏข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า สินค้าประเภทเนื้อวัวหรือ ซากสัตว์ที่บริษัทฯ นำเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ จำนวน 158 ใบขน ปริมาณนำเข้าทั้งสิ้น 3,539,375.44 กิโลกรัม มูลค่าการนำเข้า 100,704,962.66 บาท ค่าอากรขาเข้า 29,824,995.61 บาท รวมมูลค่าสินค้าและค่าอากรเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 130,529,958.27 บาท
จากพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดฐาน “นำเข้าซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 31 ประกอบมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และฐาน “นำของที่ผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดอันเกี่ยวกับของนั้น” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 244 ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560