อาชญากรรม

อัยการสูงสุด สรุปสถิติคดีฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน 21 วันมีผู้ถูกดำเนินคดี 17,284 คน

วันนี้ (24 เมษายน 2563) นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเปิดเผยว่า จากการรวบรวมข้อมูลการดำเนินคดีผู้ที่ทำการฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินของสำนักงานอัยการต่างๆ ทั่วประเทศ ที่พนักงานอัยการได้ฟ้องคดีต่อศาลในช่วงระหว่างวันที่ 3 – 23 เมษายน 2563 และได้รายงานข้อมูลมายังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) สำนักงานอัยการสูงสุด (ศบสค.อส.) ซึ่งมีนายสาวิตร บุญประสิทธิ์ รองอัยการสูงสุดเป็นประธานศูนย์ฯ และต่อมานายรัชต์เทพดีประหลาดผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการสำนักงานอัยการสูงสุดและนางณฐนนแก้วกระจ่างผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ทำการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลผลการดำเนินคดีผ่านสารบบคดีอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานอัยการสูงสุดปรากฏว่าภาพรวมทั้งประเทศมีการดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯ ในช่วงเวลาดังกล่าวรวมแล้วทั้งสิ้น12,927คดีมีผู้ต้องหาถูกดำเนินคดี จำนวน 17,284คน

โดยศูนย์ ฯ ศบสค.อส. ได้จัดทำรายงานสถิติคดีการฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯช่วงระหว่างวันที่ 3-23 เมษายน 2563 ดังกล่าว (ปรากฏตามกราฟที่แสดง)เป็นรายวัน ซึ่งได้จำแนกสถิติจำนวนคดี จำนวนผู้กระทำความผิด (แยกเพศหญิง และชาย) และช่วงอายุของผู้กระทำการฝ่าฝืน จากสถิติจะเห็นได้ว่า วันที่มีการกระทำความผิดฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯ สูงสุดจะสัมพันธ์กับจำนวนของผู้ติดเชื้อที่พบใหม่ตามรายงานของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)(ศบค.) ซึ่งมีจำนวนที่สูงด้วยเช่นกันกล่าวคือวันที่มีการพบการกระทำความผิดมากที่สุดคือวันที่ 7 เมษายน 2563 ทั่วประเทศมีผู้ฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯ ทั้งหมด 1,551 คดี ผู้ต้องหารวม 1,919 คนซึ่งสัมพันธ์กับข้อมูลของ ศบค. ที่รายงานว่าในวันที่ 8 เมษายน 2563 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 111 คน เป็นต้น


ช่วงอายุของผู้ที่ผ่าฝืนพระราชกำหนดฯ มากที่สุดคือ ช่วงอายุ 20-35 ปี รองลงมาเป็นช่วงอายุ 35-55 ปี ซึ่งก็เป็นช่วงอายุที่สัมพันธ์กับช่วงอายุของกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มีจำนวนมากที่สุดด้วยเช่นกัน จากสถิติดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ระยะหลังจำนวนผู้ที่กระทำการฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินมีแนวโน้มลดลง ทั้งจำนวนคดีและจำนวนผู้กระทำความผิด ซึ่งสัมพันธ์กับจำนวนผู้ที่ติดเชื่อเพิ่มใหม่ เช่น วันที่ 23 เมษายน 2563 มีผู้ฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯ 455 คดี จำนวนผู้ต้องหา 714 คน ซึ่งเป็นสถิติที่ฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯ น้อยที่สุดตั้งแต่ประกาศบังคับใช้ในขณะเดียวกัน ในวันดังกล่าวก็มีผู้ติดเชื้อเพิ่มใหม่น้อยที่สุด เพียง 13 คน เป็นต้น

จากความสัมพันธ์ของข้อมูลดังกล่าว เห็นได้ว่าหากประชาชนมีการปฏิบัติตามพระราชกำหนดฯอย่างเคร่งครัดจะยิ่งทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงได้อีกเป็นจำนวนมากซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดจะยังคงบังคับใช้กฎหมายและมาตรการต่าง ๆ กับผู้กระทำการฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯ อย่างเคร่งครัดต่อไป เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยยับยั้ง และหยุดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *