นายอมร หรือคม (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ที่ 120/2547 ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2547 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราหญิง ซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย, พาบุคคลอายุเกินสิบห้าแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” ถูกตำรวจกองปราบปราม จับกุมตัวได้ ที่ ตำบลวิสัยเหนือ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร
โดย พฤติการณ์แห่งคดี ก่อนเกิดเหตุ นายอมร หรือคม (ผู้ต้องหา) ได้รู้จักกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้นมีอายุประมาณ 16 ปี เนื่องจากผู้เสียหายมีบุคลิกหน้าตาดี ทำให้นายอมรฯ พยายามพูดคุย ตีสนิทกับผู้เสียหาย จนผู้เสียหายไว้วางใจ ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2546 เวลาประมาณ 16.00 น. หลังจากที่ผู้เสียหายเลิกเรียน นายอมรฯ ได้ไปหาผู้เสียหายที่บริเวณหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ย่านพญาไท กทม. จากนั้น นายอมรฯ ได้ออกอุบายล่อลวงผู้เสียหายไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านบางมด กทม. เมื่อไปถึง นายอมรฯ ได้ใช้กำลังบังคับข่มขืนผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ จากนั้น นายอมรฯ ได้ออกหลอกลวงผู้เสียหายว่าจะรับผิดชอบเลี้ยงดูผู้เสียหาย แล้วนายอมรฯ ได้พาผู้เสียหายไปพักอาศัยที่บ้านญาติ ที่อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมาบิดาของผู้เสียหายได้ทราบเรื่องดังกล่าว จึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พญาไท พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับผู้ต้องหา
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงจับกุมตัวและนำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ นายอมรฯ ยังมีหมายจับอีกหนึ่งหมาย คือ หมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวกลางที่ 7/2545 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2545 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารโดยปราศจากเหตุอันสมควร และกระทำเชาเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน”