วันนี้ ( 9 เม.ย.) ที่ ศาลอาญารัชดา ถนนรัชดาภิเษก ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ซึ่งได้รับมอบอำนาจ จากนายจ่อเฮง นักธุรกิจน้ำมัน ชาวเมียนมาร์ พร้อมด้วย นายกริช อึ้งวิฑูรย์สถิตย์ ประธานสภาธุรกิจ ไทย-เมียนมา (TMBC) และผู้ก่อตั้งสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเมียนมา-ไทย (MTCC) ได้เข้าขอยื่นอประกันตัว นายเดดไป่อู อายุ 29 ปี และนางสาวนามิทู อายุ 24 ปี ชาวเมียนมา ที่ถูกตำรวจทางหลวงแม่สอด จังหวัดตาก จับกุมพร้อมของกลาง เงินสดเป็นธนบัตรไทย ฉบับละ 1,000 บาท รวม 16,500,000 บาท บนถนนในหมู่บ้านวังตะเคียน หมู่ 7 ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งผู้ต้องหาไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินดังกล่าวได้
โดย นายอนันต์ไชย ระบุว่า ยอมรับว่าทำผิดที่ขนเงินข้ามประเทศแล้วไม่สำแดง ซึ่งตำรวจจะดำเนินคดีก็ดำเนินคดีไป แต่ติดใจถึงการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจทางหลวงชุดที่จับกุม ว่าไม่ใช่หน้าที่ ซึ่งหลังจากจับกุมต้องส่งตำรวจท้องที่คือ สภ.แม่สอด ทันที ไม่ใช่เอาตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนเอง อีกทั้งยังมีการเปิดเผยภาพ ขณะจับกุม และแถลงข่าวอย่างเปิดเผย ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ผู้ต้องหา ซึ่งได้โทรศัพท์ไปแจ้งว่าไม่ให้แถลงข่าวแล้ว แต่ก็ไม่ปฎิบัติตาม
อย่างไรก็ตาม ในวันเกิดเหตุยืนยันว่า มีหลักฐานการซื้อขายกับ ปตท. ให้ตำรวจชุดจับกุม แต่กลับไม่ตรวจสอบ ซึ่งจากนี้จะไปแจ้งความดำเนินคดีตำรวจชุดจับกุมที่ สภ.แม่สอด และจะร้อง ปปช.ในฐานความผิด เป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และหน่วงเหนี่ยวกักขัง ต่อไป
ด้านนายกริช เปิดเผยว่า เนื่องจากขณะนี้ ธนาคารในประเทศเมียนมาไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ เพราะปิดในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงต้องใช้วิธีขนเงินสดข้ามประเทศมาชำระหนี้แทน โดยไม่ทราบว่าจะต้องสำแดงกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรก่อน จึงเป็นบทเรียนให้รู้ว่าครั้งต่อไป การขนเงินข้ามประเทศจะต้องสำแดงให้เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรก่อน ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยทำ จึงไม่ทราบ
อย่างไรก็ตาม เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ไทยดำเนินการตามกฏหมาย ที่สำคัญคือต้องระวังไม่ให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ