พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ โฆษกกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวชี้แจงกรณีโซเชียลมีเดียแชร์ภาพและข้อความระบุ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) อยู่เบื้องหลังเหตุทำร้าย นายสิรวิชญ์ เสรีิธิวัฒน์ หรือจ่านิว ซึ่งข้อความระบุว่า “เรื่องใหญ่ที่ท่านผู้การกองปราบ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ต้องแก้ปัญหา..ที่มีตำรวจชั้นประทวนในสังกัด กองปฏิบัติการพิเศษกองปราบ 4 คนไปช่วย พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. เคยคุมกองปราบมาก่อน เลี้ยงตำรวจโจรในกองปราบไว้ใช้ ได้ก่อเหตุไปดักตีหัว จ่านิวและฟอร์ด กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านเผด็จการ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เป็นลูกน้องแขนซ้ายของ พล.อ.ประวิตร นั่นเอง และ รองช้าง หรือพล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย หัวหน้าแก็งค์สีกากี ตามกระทืบนักกิจกรรม เอกชัย,ฟอร์ด,จ่านิว” ว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นเป็นความจริง บิดเบือน หวังผลให้เกิดความเสียหายต่อ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงเกิดความตื่นตระหนกในสังคม ซึ่ง ปอท. ได้สืบสวนพบกลุ่มบุคคลจำนวน 13 คน ที่ทำหน้าที่นำเข้าข้อมูลดังกล่าวสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และช่วยกันแชร์ข่าว ซึ่งวานนี้(9 ก.ค.62) ผู้ต้องหาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 8 ราย โดยยอมรับว่าแชร์ข่าวจริง แต่ไม่ทราบว่าเป็นข่าวปลอม อีกทั้งการสืบสวนยังพบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดไม่รู้จักกัน แต่มีความชื่นชอบแนวทางด้านการเมืองในทิศทางเดียวกัน และไม่ได้รับผลประโยชน์ในการส่งต่อข้อความแต่อย่างใด
สำหรับการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดในข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชนตามมาตรา 14(2) พรบ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะเดียวกัน ตำรวจยังสืบสวนพบว่าในกลุ่มผู้ต้องหา มี 3-4 คนที่ใช้บัญชีโซเชียลมีเดียปลอมหรืออวตาร เพื่อปกปิดตัวตน ป้องกันตำรวจสืบสวนจับกุม ส่วนอีก 5 คนที่เหลือ จะเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม การสอบสวนตำรวจทราบแล้วว่ามีบุคคลที่สร้างเนื้อหาข่าวปลอม เพื่อให้กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 13 คน แชร์ต่อโดยจะติดตามจับกุมเร็ว ๆ นี้ ซึ่งคดีนี้พนักงานสอบสวน ได้มีการสอบปากคำ รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้การกองปราบ ประกอบสำนวนแล้ว ซึ่ง พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมถึงถูกพาดพิงให้เกิดความเสียหายกับกรณีทำร้ายจ่านิว
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า คดีทำร้ายร่างกาย จ่านิว พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานไปแล้ว 15-20 ปาก และตรวจสอบกล้องวงจรปิดเส้นทางการหลบของคนร้าย พบว่าบางจุดชำรุดเสียหายจับภาพคนร้ายไม่ได้ อย่างไรก็ตามจากการสืบสวนคนร้ายน่าจะเตรียมตัวมาอย่างดี อาศัยช่วงที่การจราจรติดขัดลงมือก่อเหตุ ขอให้ทางผู้เสียหายและสังคมมั่นใจว่าตำรวจยังคงทำคดีนี้อย่างเต็มที่