กองบังคับการปราบปราม เตือนภัยประชาชน เพื่อไม่ให้ตกหลุมพลางของมิจฉาชีพ ที่หลอกลวงในลักษณะการปล่อยกู้เงินออนไลน์ หรือ “ภัยปลอยเงินกู้อนไลน์” โดยกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ จะใช้วิธีการโพสต์เฟสบุ๊ค ในลักษณะ หากใครต้องการเงินด่วน ให้ทักแชทส่วนตัว โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะเสนอ รูปแบบต่าง ตามที่ผู้เดือดร้อนต้องการ ทั้งเงินด่วน เงินกู้นอกระบบ ติดแบล็คลิสต์ ก็สามารถกู้ได้ ผ่อนรายเดือน วงเงินสูง 10,000-200,000 บาท และอายุ 18 ปีขึ้นไปก็สามารถกู้ได้ หรือ เงื่อนไขอื่นๆที่น่าสนใจเชิญชวนให้ประชาชนหลงเชื่อ
ตำรวจกองปราบปราม มีข้อมูล ว่า คนร้าย จะปล่อยข้อมูลเงินกู้ต่างๆ ทางเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม หรือเว็บไซต์ต่างๆ โดยการกู้นั้น โดยการกู้นั้น มิจฉาชีพจะเสนอเงื่อนไข ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว หน้าสำเนาทะเบียนบ้าน และ สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร ก็สามารถกู้เงินได้
วิธีการสังเกตุว่า คนที่เสนอให้กู้เงินว่าเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ โดยคนร้ายจะพูดในทำนองว่า เป็นการกู้เงินด่วน อนุมัติไวใน 15 นาที – 1 ชั่วโมง รวมถึงการที่คนร้ายให้ผู้กู้โอนเงิน ไปให้ก่อน โดยอ้างว่า เป็นเงินดอกเบี้ยงวดแรก หรือ เป็นเงินมัดจำสำหรับการกู้ยืม หากพบพฤติกรรมเหล่านี้ให้สัณนิษฐานไว้ได้เลยว่า “เป็นการหลอกลวง” อย่างแน่นอน กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ จะรู้ด้วยตัวเขาเองว่า ประชาชนที่ติดต่อ เรื่องเงินด่วน เงินกู้ เข้ามา นั้น กำลังประสบปัญหาทางด้านการเงิน และอาจจะไม่มีตัวเลือกอื่น จึงจำเป็นที่ต้องเสี่ยงกู้เงินออนไลน์ในลักษณะนี้
พร้อมกันนี้ กองปราบปราม ฝากข้อคิดให้ คนที่กำลังจะก็เงินออนไลน์ในลักษณะนี้ ได้มองในมุมกลับกันว่า หากเป็นตัวเราเองที่มีเงินจำนวนมาก จะกล้านำเงินจำนวนเหล่านี้ มาปล่อยกู้ให้กับคนที่ไม่เคยรู้จักหรือ ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน หรือไม่ และจะมั่นใจได้อย่างไร ว่า เมื่อปล่อยกู้ไปแล้วเราจะได้เงินคืน ถึงแม้จะมีข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทเบียนบ้าน หรือบัญชีธนาคาร ของผู้กู้ ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่า คนที่กู้เงินไปจะนำเงินมาคืนให้ และหากไม่ยอมคืนเงิน เราจะมีวิธีการติดตามทวงถามอย่างไร และการติดตามทวงถาม จะคุ้มค่ากับเงินที่ใหกู้ไปหรือไม่
ดังนั้น เรื่องของการปล่อยเงินกู้ออนไลน์ ดังกล่าวข้างต้นนั้น ไม่มีอยู่จริง เป็นการกระทำของมิจฉาชีพที่หลอกลวง เพื่อหวังเงิน ที่อ้างว่าเป็นค่าดอกเบี้ยงวดแรก หรือ เงินมัดจำจากผู้ที่เดือดร้อน และหากโชคร้ายซ้ำเติมไปอีก นอกจากเราจะเป็นผู้ที่เดือดร้อน จากเรื่องของปัญหาการเงิน ตกเป็นผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวง แล้ว ยังอาจสุ่มเสี่ยงตกเป็นผู้ต้องหาได้ เนื่องจากข้อมูลที่คนร้ายได้ไปจากเรา ทั้ง สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หรือสำเนาหน้าบัญชีธนาคาร คนร้ายอาจนำไปก่ออาชญากรรม หลอกลวง ฉ้อโกง ในรูปแบบต่างๆ ได้อีก
ทั้งนี้ กองปราบปราม ยังได้แนะนำสำหรับผู้ที่กำลังเดือดร้อนหรือประสบปัญหาการเงิน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยให้ติดต่อกับสถาบันทางการเงินที่น่าเชื่อถือ เพราะในปัจจุบันมีโครงการ จากสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อ ในวงเงินต่ำ อาทิ สินเชื่อโครงการธนาคารเพื่อประชาชน ของธนาคารออมสิน ที่ให้ผู้กู้ กู้ได้โยเงื่อนไขไม่ยาก วงเงินไม่เกิน 2 แสนบาท หรือหากใครมีทรัพย์สินมีค่า ให้นำทรัพย์สินนั้น เข้าโรงรับจำนำ แล้วนำเงินมาใช้ในสิ่งที่จำเป็น และอีกแนวทางที่แนะนำคือ การหาอาชีพเสริมที่สุจริต เพื่อเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง นำเงินมาใช้ในยามจำเป็น เพื่อไม่ให้ต้องมาเสี่ยงกับการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ กับการกู้เงินออนไลน์