พล.ต.อ.เฉลิมเกียร ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น รรท.ผบช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนแถลงผลการจับกุมตัวผู้ต้องหา 3 ราย และอยู่ระหว่างหลบหนี2 ราย ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายกลมวิช สุวรรณทัต อายุ24 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวายเสียชีวิต บริเวณปากซอยนวมินทร์ 57 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.เฉลิมเกียร กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทางตำรวจได้มีการสืบสวน และทำการปิดล้อมตรวจค้นของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้3 ราย คือนายกฤษฎา นราพงษ์ อายุ 21 ปี ทำหน้าที่ควบคุมสั่งการ , นายสหรัฐ ดงพระจันทร์ อายุ 20 ปี ทำหน้าที่ขับขี่รถจักรยานยนต์มือปืน และนายปฏิภาณ เจริญชัยกุล อายุ 21 ปี ทำหน้าที่ชี้เป้า และอยู่ระหว่างหลบหนี2 ราย คือนาย ประสิทธิ์ ยนต์พล อายุ 23 ปี ทำหน้าที่มือปืน , นายจิรภัทร เพชรรักษ์ อายุ 21 ทำหน้าคุ้มกัน, นำทางและพาหนี โดยทั้ง 5 คน เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับอาญา ที่ 2550/2561 ลง 19 พ.ย. 61 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยเบื้องต้นจากการสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่ามีส่วนรู้เห็นในการวางแผนก่อเหตุในครั้งนี้ ส่วนการเลือกเหยื่อนั้นจะพิจารณาจากการเป็นแค่นักศึกษาสถาบันคู่อริเท่านั้น
พลตำรวจโทสุทธิพงษ์ ได้ระบุถึงประเด็นการก่อเหตุว่า เป็นความขัดแย้งระหว่างสถาบัน โดยมีกลุ่มคนทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน ระดมเงินทุนสนับสนุนในการจัดหาซื้ออาวุธและยานพาหนะ เพื่อใช้ในการก่อเหตุ ส่วนรอยสักรูปเฟืองบนหัวไหล่ของผู้ต้องหาเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่ใช้วัดความกล้าหาญในช่วงรับน้อง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นการก่อเหตุ
ด้านนายนฤดม สุวรรณทัต อายุ 55 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต กล่าวว่าในวันนี้ตนเองได้เดินทางมาเพื่อแสดงความขอบคุณในการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่สามารถจับกุมผู้ลงมือก่อได้ รวมถึงในช่วงบ่าย จะเดินทางไปยังสน.ลาดพร้าว เพื่อขอดูหน้าผู้ต้องหาและหากมีโอกาสได้ผู้คุยก็อยากจะถามว่าเหตุใดถึงต้องมายิงลูกชาย มีความบาดหมางอะไรต่อกัน นอกจากนี้ยังฝากไปถึงนักศึกษาอีกหลายๆคน ให้หยุดกระทำหรือหยุดก่อเหตุในลักษณะนี้ เพราะจะทำให้เกิดพฤติกรรมแบบนี้ซ้ำๆไป ไม่จบสิ้น.
ทั้งนี้ พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตรียมใช้ พรบ.การฟอกเงิน ปราบปรามกลุ่มนายทุนทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน ที่ระดมเงินสนับสนุนผู้ร่วมก่อเหตุ เพื่อป้องปรามเหตุในระยะยาว