เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ นำตัวนายดาบตำรวจ อังคาร คำมูลนา /นายดาบตำรวจ สุดธินันท์ โนนทิง และนายดาบตำรวจ พรรณศิลป์ อุปนันท์ มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีฆาตกรรมนายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี
โดยพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 และนายกิตติศัพท์ ถิตย์บุญครอง เป็นโจทก์ร่วมฟ้อง นายดาบตำรวจอังคาร /นายดาบตำรวจสุดธินันท์ / นายดาบตำรวจพรรณศิลป์ /พันตำรวจโทสำเภา อินดี อดีต สารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรเมืองกาฬสินธุ์ / พันตำรวจเอกมนตรี ศรีบุญลือ อดีต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองกาฬสินธุ์และ พันตำรวจโทสุมิตร นันท์สถิต อดีตรองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองกาฬสินธุ์ เป็นจำเลยที่ 1 ถึง 6 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ
คดีนี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 22 ถึง 23 กรกฏาคม 2547 จำเลยที่ 1 ถึง 3 และจำเลยที่ 6 ซึ่งเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกันฆ่านายเกียรติศักดิ์ ผู้ต้องหาคดีลักรถจักรยานยนต์ ขณะนำตัวออกจาก สถานีตำรวจภูธรเมืองกาฬสินธุ์ ด้วยการบีบรัดคอจนเสียชีวิต ก่อนนำศพไปอำพรางคดีด้วยการแขวนคอ วันนี้ พ.ต.อ.มนตรี จำเลยที่ 5 ไม่มาศาล มีเพียงทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่าคดีนี้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน ว่าจำเลย ฆ่าผู้ตาย มีเพียงพยานปากเดียว ที่ให้การว่าเห็นจำเลยที่ 1 ถึง 3 นำผู้ตายออกไปจากห้องสอบสวน ดังนั้นการรับฟังพยานต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง คำให้การของพยาน เป็นพิรุธ ไม่มีน้ำหนัก น่าเชื่อถือว่าจำเลยที่ 1 ถึง 3 ทำร้ายร่างกายผู้ตายจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งหมดพิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 6 คน
ขณะที่วันนี้มีญาติของจำเลย ทั้งหมด เดินทางมาร่วมขำฟังคำพิพากษาเต็มห้องพิจารณาคดีทที่ 902 ซึ่งภายหลังศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 6 คน ญาติต่างส่งเสียงดีใจและขอบคุณศาล ขณะที่จำเลยทั้ง 5 คนก้มลงกราบขอบคุณศาลด้วยเช่นกัน