ศาลอาญา รัชดานัดสืบพยานโจทก์ปากสุดท้ายในคดีก่อการร้าย ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กับพวกรวม 24 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย และข้อหาอื่นๆ กรณีกลุ่ม นปช.ชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2553 ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
ในวันนี้ ศาลได้เบิกตัว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.และนายขวัญชัย ไพรพนาจากเรือนจำเพื่อมาฟังการพิจารณาพร้อมกับจำเลยคนอื่นๆ โดยนายจตุพรที่มีร่างกายซูบผอมลงเเต่ มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โบกมือทักทายสื่อมวลชนและประชาชนที่เดินทางมารอให้กำลังใจ
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายจตุพร เปิดเผยว่า วันนเป็นนี้เป็นนัดสืบพยานโจทก์ปากสุดท้ายซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า พยานโจทก์ปากดังกล่าวไม่ใช่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีดังกล่าว แต่เป็นพยานที่ฝ่ายอัยการพยายามหาพนักงานที่อ้างว่าเป็นชุดสอบสวนด้วยนั้นมาเบิกความเพื่อรับรองพยานเอกสารบางอย่างที่มีการนำส่งต่อศาลมาที่หลัง จึงเป็นที่น่าสังเกตุว่าการที่นำพยานปากนี้มา เราก็จะพิสูจน์ให้เห็นหลายประการว่าการสอบสวนของดีเอสไอเเละมติของดีเอสไอสมัยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็น ผอ.ศอฉ.นั้นนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เราจึงจะนำมาซักค้านในวันนี้โดยหลังจากซักค้านในวันนี้เสร็จ ต่อไปก็จะเป็นขั้นตอนการสืบพยานจำเลยนัดเเรก เมื่อถามถึงความมั่นใจนั้นตนมั่นใจในคดีนี้มาตั้งเเรกอยู่เเล้วเนื่องจากเป็นการตั้งข้อหาที่เกินกว่าเหตุซึ่งพฤติการณ์ ซึ่งการสืบพยานของโจทก์มาเราเห็นถึงข้อพิรุธหลายเรื่อง เเต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเรื่องจากคดีอยู่ในการพิจารณาของศาล ซึ่งฝ่ายจำเลยก็ไม่ได้หนักใจอะไรในข้อกล่าวหาที่ร้ายเเรง อาจจะมีเพียงเรื่องการขัดขืนหรือฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินในขณะนั้นซึ่งก็เป็นอัตราโทษไม่ร้ายเเรงมากซึ่งก็ต้องดูว่าศาลจะมองพฤติการณ์อย่างไร
ด้านนางธิดา ฐาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษา นปช. กล่าวว่า การซักค้านพยานโจทก์ในคดีนี้มาถึงครึ่งทางแล้วแต่ที่น่าสังเกตคือ ในกลุ่ม กปปส.มาความพยายามเรียกร้องให้แยกจำเลยโดยไม่นำมารวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันแต่ของ นปช.กลับมีการนำมารวมกันหมดเป็นคดีเดียวกันซึ่งบางครั้งจำเลยไม่รู้จักกัน เช่น คนที่ทำงานอยู่กับ พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ เเดงนั้นบางคนก็ไม่รู้จักกันส่วนตัวจึงตั้งข้อสังเกตว่าในคดีของ กปปส.นั้นจำเลยรู้จักกันแต่ยังขอแยกไม่ให้นำมารวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน