นายทรัมพ์ ชาลีจันทร์ และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงข่าวคดีที่นายพานทองแท้ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีกับพวกถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน
โดยระบุว่า ทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้มีคำสั่งฟ้องนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงิน ที่มีการรับเช็คจำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งจะฟ้องเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปี 2542 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รวมถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ทั้งนี้ ความผิดฐานฟอกเงินมีโทษจำคุก 1-10 ปี ซึ่งมีอายุความไม่เกิน 15 ปี
สำหรับกรณีเช็ค 26 ล้านบาท อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 และไม่ฟ้องนางเกศินี จิปิภพ (มารดาของ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน) ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งความเห็นส่วนนี้อัยการก็จะต้องส่งสำนวนพร้อมความเห็นดังกล่าวกลับไปให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งกับอัยการหรือไม่ อย่างไร โดยในส่วนของนางเกศินี ผู้ต้องหาที่ 1 นั้น ทางดีเอสไอ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องมาตั้งแต่ต้น
ส่วน นางกาญจนาภา หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 2 กับนายวันชัย หงษ์เหิน สามี ผู้ต้องหาที่ 3 นั้น อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องฐานฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงินโดยบุคคลทั้งสอง ตามสำนวนการสอบสวนก็กล่าวหาเฉพาะการรับเช็ค 26 ล้านบาทเท่านั้น การสั่งคดีของอัยการส่วนนี้จึงครบถ้วนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ นางกาญจนภา และ นายวันชัย สามี ยังไม่มาพบอัยการ ซึ่งอัยการจะรอจนถึงเที่ยงหากยังไม่มา ก็จะนำสำนวน ของนายพานทองแท้ ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตก่อน