อาชญากรรม

อัจฉริยะ นำน้องนศ.ปี3 แพะคดียาเสพติด ถูกแก๊งค์ค้ายานำบัตรปชช.ไปส่งยา จนต้องเข้าเรือนจำ 1 เดือน ขอบคุ

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำ นายปรเมศร์ สุรวิชัยนันท์ นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พร้อมด้วยมารดา และเพื่อนกว่า10คน เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น., พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น.เพื่อขอบคุณ

กรณีที่ตกเป็นผู้เสียหาย จากทำบัตรประชาชนหายเมื่อปี 2561และถูกขบวนการค้ายาเสพติดนำไปใช้ขนส่งยาเสพติดผ่านระบบเคอรี่ สาขาหนองจอก จำนวน 30 กล่อง ทำให้ถูกดำเนินคดีและคุมขังที่เรือนจำทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช35วัน

นายปรเมศร์ สุรวิชัยนันท์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่าได้ทำกระเป๋าสตางค์ ซึ่งภายในมีบัตรประชาชนหล่นหาย เมื่อปี 2561และได้ไปทำบัตรใหม่ในอีก1สัปดาห์ถัดมา แต่ผ่านไปประมาณ 1 ปี ได้มีหมายเรียกจากของตำรวจ สภ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ให้เข้าปากคำ หลังมีชื่อ เป็นผู้ส่งยาเสพติด ซึ่งยอมรับว่าตกใจมากจนทำอะไรไม่ได้ เมื่อไปพบพนักงานสอบสวนก็ได้ยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ให้นำหลักฐานมายืนยัน แต่ ขณะนั้นไม่มีหลักฐานจึงถูกดำเนินคดี และเข้าไปอยู่ในเรือนจำรวม 35 วัน ซึ่งขณะอยู่ในเรือนจำก็รู้สึกจิตใจย่ำแย่เนื่องจากไม่ได้เป็นคนกระทำความผิดแต่ต้องมาถูกดำเนินคดี

ด้าน นางวันวิสา มารดาของผู้เสียหายเปิดเผยว่า ตกใจที่ลูกชายถูกดำเนินคดีเพราะยืนยันลูกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงพยายามหาหลักฐานทุกอย่างเพื่อนำมายืนยันว่าลูกชายไม่ได้เกี่ยวข้อง จนกระทั่งขอความช่วยเหลือกับ ทนายอัจฉริยะ นำหลักฐานร้องต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กระทั่งสามารถจับกุมผู้กระทำผิดตัวจริงได้ 2 คน ซึ่งให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุตัวจริงลูกจึงได้รับการปล่อยตัวออกมา

ด้าน ผบช.น.กล่าวว่ายอมรับว่าเป็นความผิดพลาดจริง ซึ่งเกิดตั้งแต่ บริษัทขนส่ง ที่ยืนยันว่าผู้เสียหายเป็นคนไปส่งไปรษณีย์ตำรวจจึงดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าจะต้องเอาผิดทางวินัยกับพนักงานสอบสวนหรือไม่ พร้อมจะเร่งขยายผลว่ามีประชาชนตกเป็นเหยื่อขบวนการนี้อีกหรือไม่ พร้อม ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งบริษัทไปรษณีย์ บริษัทขนส่ง, ธนาคาร, ให้ตรวจสอบบุคคลที่ไปติดต่อทำธุรกรรมต่างๆให้รอบคอบป้องกันคนร้ายสวมรอยใช้หลักฐานผู้อื่นไปแสดง

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ทางบริษัทเคอรี่ ได้พยายามเจรจาไกล่เกลี่ยและมอบเงินเยียวยาให้กับผู้เสียหายจำนวน 100,000 บาท แต่ตนมองว่าเงินจำนวนดังกล่าวไม่เพียงพอกับสิ่งที่ผู้เสียหายต้องเจอ จะอ้างว่าทำตามหน้าที่ไม่ได้ เพราะการมอบเงินจำนวนดังกล่าวไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหา จึงเตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีฐานละเมิดกับบริษัทดังกล่าวส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจตนไม่ติดใจเพราะถือว่าทำตามหน้าที่ เพราะได้เรียกพนักงานเคอรี่มาสอบปากคำก็ให้การยืนยันว่าผู้เสียหายเป็นคนส่งจริง

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *