นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบนายประโยชน์ เพ็ญสุด รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะรักษาการ อธิบดีกรมการค้าภายใน เพื่อขอข้อมูลการจ่ายหน้ากากอนามัยไปยังสถานพยาบาลและร้านค้าต่างๆตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 จนถึงปัจจุบัน หลังพบมีหน้ากากอนามัยจาก 1 ใน 11 โรงงานที่ถูกกำหนดให้ส่งสินค้าให้กรมการค้าภายใน ถูกส่งไปขายในตลาดมืด ตลาดออนไลน์ และส่งออกไปประเทศจีน ทั้งที่มีการห้ามส่งออกสินค้าตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา
นายอัจฉริยะ ระบุว่า ตนต้องการทราบข้อมูลว่าเหตุใดจึงมีเพียง 11 โรงงานที่ผลิตหน้ากากส่งให้กรมการค้าภายใน รวมทั้งมีวิธีการและขั้นตอนจัดส่ง เพื่อตรวจสอบหาช่องโหว่ ว่ามีขั้นตอนใดที่ทำให้หน้ากากอนามัยเหล่านี้ หลุดรอดไปถึงตลาดมืดได้ ทั้งที่มีการส่งเจ้าหน้าที่จากกรมการค้าภายใน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารไปเฝ้าโรงงานทั้ง 11 แห่ง เพื่อป้องกันการลักลอบส่งสินค้าให้หน่วยงานอื่น และจากการตรวจสอบยังพบว่า บางโรงงานไม่มีเครื่องจักร มีแต่กล่องสินค้า จึงอยากทราบว่าไปจ้างที่ไหนผลิต
นอกจากนี้เหตุใดหน้ากากอนามัย 700,000 ชิ้นที่ส่งให้กระทรวงสาธารณสุข จึงมาจากบริษัทเดียว ส่วนอีก 500,000 ชิ้น จัดส่งไปที่ไหน โดยยืนยันว่าการขอข้อมูลส่วนนี้เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ เพราะไม่ใช่ข้อมูลลับ
ทางด้านนายประโยชน์ ชี้แจงเบื้องต้นว่าการกำหนดให้โรงงานใดโรงงานหนึ่งผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เป็นการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยจะเร่งส่งข้อมูลการกระจายสินค้าให้นายอัจฉริยะโดยเร็วที่สุด
ส่วนกรณีที่นางสาวมาลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ส่งทนายเข้าแจ้งความดำเนินคดี กับ นายอัจฉริยะในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ กรณีไลฟ์สดผ่านเพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โดยระบุว่า เชื่อมโยงกับนักการเมืองหลายกลุ่ม พาดพิงว่ามีหญิงสาวที่เป็นปรึกษารัฐมนตรีในรัฐบาลเป็นคนรับส่วนต่างจากบริษัทที่มีการส่งออกหน้ากากอนามัยไปยังต่างประเทศ นั้น นายอัจฉริยะเปิดเผยว่าในวันพรุ่งนี้(18 มี.ค.)
เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดี กลับนางสาวมัลลิกา ที่สน.ทุ่งสองห้อง ฐานแจ้งความเท็จใน
