นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สุภวุฒิ วิเศษโวหาร รอง ผกก.(สอบสวน.) สน.ทุ่งสองห้อง ให้ดำเนินคดีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในข้อหาข่มขู่คุกคาม ตาม ป.อาญา ม.392 หลังได้ปะทะคารมผ่านวาจากันหลายครั้ง ก่อนที่นายมงคลกิตติ์ จะโพสต์เฟซบุ๊กข่มขู่ว่า “กูเจอมึงที่ไหน จะเอาให้ฟันร่วงหมดปาก”
โดย นายสิระ กล่าวว่า กรณีนี้ตนไม่จำเป็นต้องคุยกับนายมงคลกิตต์ เพราะตนเป็นผู้เสียหายที่ถูกข่มขู่คุกคาม ถามว่าตนทำผิดอะไร นี่หรือผู้แทนราษฎร นี่หรือรัฐสภา ที่ปล่อยให้ ส.ส.มาทำพฤติกรรมเช่นนี้ในสภาได้ เพราะผู้แทนฯ นั้นต้องมีจริยธรรมและเป็นตัวแทนประชาชน และกรณีนายมงคลกิตต์ ยังบอกให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกเพื่อรับผิดชอบหากควบคุมสถานการณ์ม็อบไม่ได้นั้น ถามว่านายมงคลกิตต์เอง สมควรลาออกหรือไม่ เพราะเจ้าตัวก็เคยพกสารประกอบระเบิดเข้ามาในสภา จนเป็นคดีความใน พื้นที่ สน.บางโพ
ทั้งนี้ ตนอยากกราบเรียนถามนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร เมื่อมีผู้แทนฯ พฤติกรรมเยี่ยงนักเลงแบบนี้ก็สมควรลาออกไปเป็นนักเลง
นายสิระ กล่าวต่อว่า ส่วนที่ตนระบุว่าหากนายมงคลกิตต์มีปัญหาการเงินและตนเสนอให้ความช่วยเหลือนั้น ตนมองว่า ตนเองพูดในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นในสถาบันพระปกเกล้า จึงมีความห่วงใย อยากให้ความช่วยเหลือหากนำเงินเดือนไปบริจาคช่วยเหลือเรื่องโควิด-19 จนหมดแล้ว ยืนยันว่า ไม่ได้พูดแรงเกินไป วันนี้จะต้องสร้างบทเรียนให้นายมงคลกิตต์ ไม่ให้ใช้พฤติกรรมดังก่อนที่จะเป็น ส.ส. เพราะนายมงคลกิตต์ทำตัวแบบนี้มาตลอด ไม่ทราบว่าการกระทำนี้มีเบื้องหลังหรือไม่ ที่ผ่านมา ตนก็เป็นเพื่อนกับนายมงคลกิตต์ แต่ก็มีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันในนโยบายทางการเมืองเป็นบางครั้ง เช่นเรื่องบ่อนการพนัน และการค้าบริการทางเพศ วันดีคืนดีก็อยู่ฝ่ายรัฐบาล วันดีคืนดีก็พูดว่าจะอยู่ฝ่ายค้านอิสระซึ่งไม่มีกฎหมายรองรับ
นายสิระ กล่าวอีกว่า หากท้าต่อยกันจริงตนก็จะไม่ต่อย และหากมีผู้ใหญ่มาเคลียร์ก็ไม่ยอมจบ เพราะถือเป็นความเสื่อมเสียทั้งสภา และขณะนี้ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายทำเรื่องตรวจสอบจริยธรรมเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายสิระ ยังได้เปิดเผยข้อความ ที่นายมงคลกิตต์ ส่งมาหาตนผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ระบุทำนองว่า “อยากมีเรื่อง จริง ๆ ไหม เจอกัน” รวมถึงยังมีความพยายามที่จะโทรติดต่อ แต่ตนเองไม่ได้รับเพราะติดประชุม