ตัวแทนประชาชนและเจ้าของร่วมโครงการหลักสี่ สแควร์ ร้องเรียนนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตหลักสี่ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย เพื่อให้ช่วยติดตามตรวจสอบ การดำเนินคดีกับ ร้านข้าวต้มชื่อดัง ในโครงการหลักสี่ สแควร์ หลังก่อสร้างอาคารรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ โดยมีการร้องเรียนมานานกว่า 10 ปี แต่คดีความไม่มีความคืบหน้า
ตัวแทนประชาชน เปิดเผยว่า การก่อสร้างอาคารของร้านอาหารแห่งนี้ได้รุกล้ำพื้นที่จอดรถซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการหลักสี่ สแควร์ มายาวนานซึ่งกลุ่มประชาชนได้เข้าแจ้งความตั้งแต่ปี 2555 จนขณะนี้คดีหมดอายุความแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งผู้ประกอบการ ก็ได้รับผลกระทบเพราะส่วนต่อเติมอาคารบังหน้าร้าน และ รุกล้ำการใช้สอดประโยชน์จากพื้นที่ส่วนกลางประกอบกับทราบว่าเจ้าของร้านเป็นนายทหารท่านหนึ่ง จึงเกรงกลัวต่ออิทธิพลจึงเข้าร้องต่อนายสิระวันนี้
เมื่อนายสิระ ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าเป็นร้านข้าวต้มและมีการต่อเติมตัวอาคารรุกล้ำพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งพื้นที่ทางเดินและทางจอดรถ รวมทั้งพื้นที่สาธารณะบริเวณทางเท้า ทางขึ้นลงสะพานลอย กีดขวางการสัญจรไปมาของประชาชน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ขณะที่ พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง ผู้กำกับการ สน.บางเขน ระบุว่า ตอนนี้ สำนักงานเขตบางเขน แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของร้านข้าวต้มชื่อดังแห่งนี้แล้ว ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานฯ เหตุไม่รื้อถอนอาคารตามคำสั่งของเขต ที่อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ ซึ่งเจ้าของร้านยินยอมรื้อถอนตามคำสั่งภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยคดีนี้มีการกระทำความผิดตั้งแต่ปี 2558 จึงต้องดำเนินการปรับเป็นเงินไม่เกินวันละ 10,000 บาท นับตั้งแต่วันที่เริ่มกระทำความผิด
ทางด้านประชาชนที่ใช้ทางเท้าสัญจรไปมา ยอมรับว่า การใช้สะพานลอย ซึ่งติดกับอาคารก่อสร้างเป็นไปด้วยความลำบาก โดยเฉพาะเวลาที่ฝนตกน้ำขังต้องหลบหลีกตัวอาคาร บางครั้งต้องเดินบนถนน ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ จึงเห็นว่าถ้ารื้อถอนสิ่งที่รุกล้ำมาบนพื้นที่สาธารณะจะเกิดประโยชน์มากกว่านี้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าของร้านข้าวต้มดังกล่าว เป็นของนายทหารชั้นนายพล ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว