นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจคนดังพานายซู เว่ย นักธุรกิจชาวจีน เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ปากคลองสาน เพื่อดำเนินคดีกับดาราสาวไฮโซ ชื่อย่อ น.หนู กับพวกอีก 2 คน ในความผิดฐานฉ้อโกง จากกรณีที่นายซู เว่ย นำเข้าเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิจำนวนกว่า 3,000 ชิ้น จากประเทศจีน เพื่อนำมาจำหน่ายและแจกจ่ายในประเทศไทย แต่เนื่องจากไม่ทราบขั้นตอนวิธีการนำเข้า กรมศุลกากรจึงเก็บของไว้เพื่อรอการสำแดงสินค้า แต่กลับถูกไฮโซสาวและพวกเรียกเก็บค่าดำเนินการนำสินค้าออกจำนวน 2.5 ล้านบาท
โดยนายสันธนะ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจของนายซู เว่ย เปิดเผยว่า เพื่อนของนายซู่ เว่ย แนะนำให้รู้จักกับชายชื่อกัน ซึ่งสื่อสารภาษาจีนได้ ก่อนที่จะรู้จักกับไฮโซสาว และผู้หญิงที่เรียกกันว่าเจ๊กานซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งในสภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย โดยทั้งหมดอ้างว่าต้องมีค่าดำเนินการนำสินค้าออกมาจำนวน 2.5 ล้านบาท แต่นายซู่ เว่ย มีเงินเพียง 1.5 ล้านบาท จึงโอนเข้าบัญชีไฮโซสาวโดยตรง ซึ่งไฮโซคนดังกล่าวอ้างว่านำเงินไปจ่ายให้แก่อธิบดีกรมศุลกากร 5 แสนบาท และชายที่อ้างตัวเป็นหม่อมอีก 5 แสนบาท ส่วนที่เหลือเจ๊กาน อ้างว่านำไปจ่ายให้แก่นักการเมือง แต่ก็ยังไม่สามารถนำสินค้าออกมาได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอกก่อนที่จะมาขอความช่วยเหลือกับตน และเมื่อดำเนินการนำเอกสารชี้แจงและจ่ายภาษีนำเข้า เจ้าหน้าที่ก็ช่วยดำเนินการเป็นอย่างดี โดยมีค่าใช้จ่ายตามขั้นตอนในหลักแสนบาทเท่านั้น
ขณะที่นายซู เว่ย ยอมรับว่า หลงเชื่อกลุ่มคนดังกล่าวเนื่องจากสื่อสารภาษาจีนได้ และไม่เข้าใจขั้นตอนของประเทศไทย ส่วนตัวเห็นว่านำสินค้ามาแล้วจึงต้องจ่ายเงินเพื่อนำสินค้าออกมา แม้จะต้องเสียเงินถึง 2 ล้านบาท ซึ่งไม่คุ้มค่ากับต้นทุนสินค้า 3 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หลังแจ้งความร้องทุกข์แล้ว นายสันธนะและนายซู่ เว่ย จะยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีที่แก๊งไฮโซกล่าวอ้าง รวมถึงรัฐสภา และอธิบดีกรมศุลกากรด้วย เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนดังกล่าวหรือไม่
