นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวง ร่วมประชุมผู้บริหารของกรมต่างๆ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม โดยการประชุมเป็นการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการของทุกกรม อาทิ เรื่องกระท่อม ที่เวลานี้กฤษฎีกา กำลังพิจารณา – เรื่อง งบประมาณของกระทรวง ที่ส่งกลับไปช่วยรัฐบาลในการแก้ปัญหาไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 – เรือนนอนสองชั้น และมาตรการกักโรคในเรือนจำ – การจัดการแยกชั้นนักโทษเพื่อป้องกันการออกมาภายนอกและกระทำซ้ำ รวมถึง การลดวันต้องโทษ และการพักโทษ เป็นต้น
นายสมศักดิ์ ระบุว่า ตนพบปัญหาในการเดินหน้ายึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด ในส่วนของการแบ่งเงินรางวัลนำจับ เพราะกฎหมายของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ไม่สามารถนำเงินที่อายัดจากเครือข่ายยาเสพติดมาแบ่งให้คนทำงานได้ ดังนั้นเราต้องหาทางแก้กฎหมายให้ครอบคลุมสอดคล้องในการทำงานร่วมกัน คนทำงานต้องมีขวัญกำลังใจ ทำงานง่าย ทั้งการขอข้อมูลในการตามตัวเครือข่าย หรือ ประสานงานต่างๆ
ที่ผ่านมาผมเข้าใจว่าอายัดบัญชีธุรกรรมทางการเงิน แล้วนำเงินสินบนตรงนั้นมาแบ่งกันได้เลย แต่ขณะนี้มันทำไม่ได้ ต้องหาทางว่าต้องทำยังไง แต่เราจะไม่ยอมแพ้ลองศึกษาดูประวัติย้อนหลังว่ามันเคยแบ่งได้ไหมหรือมันไม่ได้ เราจะได้ดำเนินการกันไปถูกทางหากจะแก้กฎหมายมันก็จำเป็น
ขณะที่วันนี้ มี กลุ่มผู้ประกอบการ ที่ดำเนินธุรกิจ เจลล้างมือแอลกอฮอล์ และถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาได้เดินทางมาขอบคุณ นายสมศักดิ์ และนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่สนธิกำลังไปบุกจับสินค้าเหล่านี้ตามภารกิจ “ศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ ในสถานการณ์การแพร่เชื้อระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด -19” เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา มูลค่าความเสียหายของบริษัทเหล่านี้ถึง 45 ล้านบาท