เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารธารณสุข พร้อมผู้บริหาร สธ. ร่วมแถลง “สมาพันธ์สภาวิชาชีพรวมใจ สู้ภัยโควิด-19
นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาล และคนไทยทุกคน ขอบคุณความทุ่มเทเสียสละของจิตอาสาจากทุกสภาวิชาชีพที่เป็นกลไกร่วมกันกับ สธ. ในการบริหารจัดการโควิด-19 รัฐบาลพร้อมให้การดูแลประชาชนในทุกมิติ ทั้งการรักษา ป้องกันควบคุมโรค และการทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงมือแพทย์โดยเร็ว ส่วนการให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ต้องขอความกรุณาจากสภาวิชาชีพที่มีสมาชิกเป็นจำนวนมาก ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ ขณะนี้ บุคลากรสาธารณสุขได้รับการฉีดวัคซีนเกินกว่าร้อยละ 90 ส่วนประชาชนทั่วไปจะเริ่มฉีดวัคซีนในเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ ความช่วยเหลือจากสมาพันธ์ฯ จะช่วยลดอัตราการติดเชื้อในบุคลากรสาธารณสุขได้ และรัฐบาลก็จะจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันให้ผู้ปฏิบัติงาน ทำงานอย่างปลอดภัยมากที่สุด
ด้าน น.ส.ทัศนา บุญทอง นายกสภาการพยาบาล ในฐานะประธานสมาพันธ์สภาวิชาชีพ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง แพร่กระจายในทุกจังหวัด หากคนไทยยังไม่สามารถช่วยกันควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อได้ จำนวนผู้ป่วยสะสมจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จนเกินศักยภาพของระบบสาธารณสุขของชาติที่จะรับมือดูแลได้ จากข้อมูลพบการติดเชื้อในคนหลายกลุ่ม รวมถึงบุคลากรในการดูแล ได้แก่ แพทย์ พยาบาล และบุคลากรสุขภาพทุกสาขา มีข้อมูลว่า พยาบาลซึ่งเป็นบุคลากรที่ดูแลใกล้ชิดผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง มีการติดเชื้อ หรือ สัมผัสผู้ติดเชื้อ ต้องรับการรักษาตัว หรือถูกกักตัวเป็นระยะเวลา 14 วัน
ทั้งนี้ สมาพันธ์ฯ ทั้ง 11 สภาวิชาชีพ ตระหนักถึงภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้น จึงมีมติร่วมกันในการรวบรวม ผู้ประกอบวิชาชีพ ที่มีความรู้ และสามารถจัดสรรเวลาเพื่อมาเป็นอาสาสมัคร ร่วมปฏิบัติภารกิจที่จะสามารถปฏิบัติได้เพื่อช่วยแบ่งเบาการทำงานของ สธ. UHOSNET กทม. และหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ โดยมีหลักการร่วมกันว่า 1.การปฏิบัติภารกิจในสถานการณ์นี้ ไม่ถือว่าเป็นการก้าวล่วงการปฏิบัติของวิชาชีพอื่นที่มีกฎหมายกำกับอยู่ 2.ต้องมีการเตรียมความรู้ และความพร้อมให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและบุคลากรมีความปลอดภัย ประเด็นที่บุคลากรของแต่ละสภาวิชาชีพ จะร่วมปฏิบัติได้