ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีดำ อ.1951/61 ที่พนักงานอัยการคดี อาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง นายหรืออดีตพ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล กับพวกรวม 11 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้อื่นฯ
จาก กรณีเมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค.-เม.ย.59 ต่อเนื่องกัน จำเลยก้บพวกได้สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปจับกลุ่มปรึกษาหารือเพื่อร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย19 ราย และกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าที่เช่าพื้นที่ภายบริเวณตลาดใหม่ดอนเมือง แขวง-เขตดอนเมือง กทม.คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โดยศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ แสดงให้เห็นว่าขณะที่จำเลยไปเก็บเงินจากผู้เสียหายและผู้ค้าในตลาด ไม่ได้มีการข่มขู่ พกพาอาวุธ ในลักษณะกรรโชกทรัพย์ ส่วนประเด็นการล็อคประตู และทำลายทรัพย์สินหากผู้ค้าไม่ยอมจ่ายเงิน ก็เป็นเพียงเรื่องที่เล่าต่อกันมาจากผู้ค้าในตลาดในยุคของผู้บริหารชุดเดิม และ จากเอกสารใบเสร็จรับเงิน ระบุวัตถุประสงค์ของเงินที่เก็บเป็นเงินกองกลาง ที่ไว้ใช้สำหรับค่าจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัย และพนักงานรักษาความสะอาด รวมไปถึงการจัดกิจกรรมของตลาดในวันพิเศษต่างๆ
นอกจากนี้พยานหลักฐานยังระบุว่า ผู้เสียหาย กับกลุ่มจำเลยมีลักษณะการพึ่งพาช่วยเหลือกัน ผู้เสียหายไม่ได้มีความหวาดกลัวจำเลยแต่อย่างใด จึงไม่อาจระบุได้ว่าจำเลยข่มขู่กรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด
ภายหลังฟังคำพิพากษาเสร็จ นายสันธนะ เปิดเผยว่า วันนี้คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ถือว่าเสร็จกระบวนการการต่อสู้ทางกฎหมายแล้ว หลังจากนี้จะดำเนินการฟ้องกลับใน 2 องค์หลัก คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ตั้งแต่ระดับสั่งการ ปฎิบัติการ สืบสวน สอบสวน ตรวจค้น ทุกระดับที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้จะต้องรับผิดชอบ โดยนายสันธนะโชว์รูปภาพตำรวจระดับนายพล 2 นาย ที่เตรียมฟ้องด้วยพร้อมบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีการเจรจายอมความไม่รับคำขอโทษใดๆทั้งสิ้น
ส่วนเรื่องทรัพย์สินที่ถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินยึดไปนั้นตนเองไม่ขอคืน แต่จะเรียกร้องความเสียหายแทน