อาชญากรรม

ศาลอุทธรณ์ ยืน ยกฟ้อง ผบ.สำนักทรัพย์สินทางปัญญา DSI กับพวก ตรวจสอบทุจริตการเบิกโอที พนักงานท่าเรือ

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซ.สีคาม ถ.นครไชยศรี ศาลได้นัดฟังคำสั่งศาลอุทรณ์ ในคดีที่ 9 พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.อ.พินิจ ตั้งสกุล ผบ.สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีทุจริตเบิกจ่ายค่าตอบแทนล่วงหน้า หรือโอที ของ กทท. , ร.ต.ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ รอง ผอ.กทท. รักษาการแทน กทท. และนายโกมล ศรีบางพลีน้อย ผอ.ท่าเรือกรุงเทพ กทท. เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีที่จำเลยได้ตรวจสอบเรื่องความผิดปกติการเบิกจ่ายโอทีการท่าเรือฯ

ด้านนายกฤษฎา อินทามระ ทนายความฝ่ายพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังรับฟังคำสั่งศาลว่า วันนี้ ศาลอุทธรณ์ ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คือ ยกฟ้องเนื่องจากเห็นว่า การดำเนินการสอบสวนของดีเอสไอตั้งแต่ปี 2556 จนถึงการแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีเมื่อปี 2560 นั้น เป็นไปตามขั้นตอน โดยชอบธรรม จึงทำให้คดีนี้ต้องยุติไป เบื้องต้น ทางตนและพนักงานการท่าเรือฯ น้อมรับคำสั่งศาลอุทรณ์ แต่ทั้งนี้ก็ได้เตรียมที่จะดำเนินยื่นฟ้อง ร.อ.อิทธิชัย สุพรรณกูล ในความผิดตามมาตรา 157 ที่ฝ่าฝืนคำสั่งศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ห้ามร.อ.สิทธิชัย ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเฉพาะตำแหน่งตามมาตรา 39,40 เป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2551 แต่เจ้าตัวกลับฝ่าฝืนเข้ารับตำแหน่งรักษาการผ.อ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย เมื่อเดือน เมษายน 2556 ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาต้องห้าม ประกอบกับ ในระหว่างที่ ร.อ.อิทธิชัย เข้ารับตำแหน่ง ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่พนักงาน จำนวน 217 คน ที่ฟ้องคดีล่วงเวลา และ ชนะคดีในชั้นศาลฎีกา คือได้นำเงิน 365 ล้านบาท ไปวางชำระหนี้ตามคำพิพากษา แต่มีเงื่อนไขว่าให้ศาลแรงงานชะลอการจ่ายเงินให้แก่โจทก์ทั้ง 217 คนไว้ก่อน เพราะ ดีเอสไอ ได้รับคดีฟ้องค่าล่วงเวลาเป็นคดีพิเศษแล้ว หากผลการดำเนินคดีของดีเอสไอ ได้ความว่าโจทก์แต่บะคนกระทำการทุจริต ตามที่ถูกกล่าวหาจริง และโจทก์ จะต้องคืนเงินให้แก่การท่าเรือฯ ทั้งหมดหรือบางส่วน อาจทำให้การท่าเรือฯ ไม่สามารถเรียกเงินคืนจากโจทก์แต่บะคนได้ และอาจเกิดความเสียหายแก่การท่าเรือฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐ สำหรับการกระทำดังกล่าว จึงเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งศาลฎีกา และถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อมห้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้ง 217 คน ทั้งที่ได้ใช้สิทธิ ทางศาลโดยสุจริต และ ชนะคดีโดยชอบแล้ว

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *