ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ชุด RDN50 หมายเลขดำ อ.2893/2561 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้องนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, นายกาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์, นายอานนท์ นำภา, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา, นายสุกฤษฏิ์ เพียรสุวรรณ และ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1- 6 ในความผิดฐานร่วมกันชุมนุมโดยฝ่าฝืนกฎหมาย
จากกรณีเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2561 พวกจำเลยและนายรังสิมันต์ โรม จำเลยคดีอาญาหมายเลขดำ อ. 1197/2561 ของศาลนี้ กับพวก 42 คน ที่แยกฟ้องต่อศาลแขวงดุสิต ร่วมกันมั่วสุมและชุมนุมทางการเมืองโดยใช้รถยนต์ติดเครื่องกระจายเสียง ติดป้ายโจมตี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม (ขณะนั้น) รวมทั้งโจมตีการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปลุกระดมให้เกิดการชุมนุมขับไล่รัฐบาล อันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธและได้รับการประกันตัว ซึ่งวันนี้จำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาล
ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์พยานหลักซึ่งเป็นคำถอดเทปที่จำเลยพูดขณะเกิดเหตุ ไม่ปรากฎว่ามีการใช้ถ้อยคำหยาบคายหรือสร้างความรุนแรง ขณะที่การชุมนุมมีเป้าหมายเดียวคือการเรียกร้องให้รัฐบาลและหัวหน้าคสช. จัดการเลือกตั้ง ภายในเดือน พ.ย.61 หลังจากที่ได้มีการเลื่อนจัดการเลือกตั้งมาหลายครั้ง ดังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 1-6 จึงเป็นไปตามความมุ่งหมายของกระบวนการตามประชาธิปไตย
ส่วนที่จำเลยได้พูดถึง พล.อ.ประวิตร เกี่ยวกับเรื่องการตรวจสอบเรื่องยืมนาฬิกาเพื่อนมานั้น ก็ปรากฎว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนรับทราบและรับรู้อยู่เป็นการทั่วไปอยู่แล้ว จึงถือเป็นการตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ติชมโดยสุจริต ตามหลักการประชาธิปไตย การกระทำของจำเลยที่ 1-6 จึงไม่เป็นความผิด ตามมาตรา 116 พิพากษายกฟ้อง
