ศาลอาญา รัชดา อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่ พรักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องโจทก์ฟ้องนายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม., นายสมคาด สืบตระกูล อดีตเลขานุการผู้ว่าฯ และนายชวน พัฒนวรานนท์ อดีตผอ.สำนักงานเขตบางซื่อ ในความผิดฐานในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตฯ ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีใช้อำนาจในหน้าที่ในขณะนั้นให้กรุงเทพมหานครจัดซื้อที่ดินใช้เป็นที่จอดรถขยะ รถน้ำ และรถอื่นๆ ของ กทม. ย่านบางซื่อ ในราคา 270 ล้านบาท ซึ่งแพงเกินจริง เป็นเงินกว่า 36 ล้านบาท และรับค่านายหน้าขายที่ดิน เป็นเงิน 18 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อปี 2538-2540
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายสมคาด หรือนานชยุต สืบตระกูล อดีตเลขานุการผู้ว่ากรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 4 รวม 8 ปี และจำคุกนายชวน พัฒนวรานนท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตบางซื่อ จำเลยที่ 8 รวม 10 ปี / ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกนายพิจิตต จำเลย 1 และ นายสมคาด คนละ 5 ปี ส่วนนายชวนจำคุก 7 ปี ส่วนจำเลยอื่นให้ยกฟ้อง
โดยศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาไม่เพียงพอจะชี้ให้เห็นว่านายพิจิตตกระทำความผิดตามฟ้อง ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษาแก้ยกฟ้องนายพิจิตต ส่วนนายสมคาดและนายชวน พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุก 5 ปี และ 7 ปี ตามลำดับ
ด้านนายพิจิตต์ เปิดเผยภายหลังศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ว่าตลอด 19 ปีที่ต่อสู้คดีมา จนถึงตอนนี้ เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก แต่ยังคงยืนยันว่าทำเพื่อสังคมด้วยความบริสุทธิ์ใจมาโดยตลอด ไม่เคยหวังผลประโยชน์ หลังจากนี้ก็จะทำสาธารณประโยชน์ต่อไป แต่ยังคงเป็นห่วงเรื่องภัยพิบัติโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่วนคุณสมบัติของคนที่จะมาเป็นผู้ว่า กทม. คนต่อไป มองว่า ควรจะมีทีมงานที่มีประสิทธิภาพ เพราะปัญหาในกรุงเทพมหานคร ใหญ่เกินที่คนๆเดียว จะทำไหว และส่วนตัวก็ยินดีที่จะมาช่วยเหลืองานของ กทม. โดยไม่รับตำแหน่งใดๆ