ที่ห้องพิจารณา 805 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหั่นศพเศรษฐีชาวสเปน ที่พนักงานอัยการคดีอาญา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอาเธอร์ เซการา พรินเซพ หรืออาร์ตู (Mr.Segarra Princep Artur ) อายุ 40 ปี สัญชาติสเปน เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย, หน่วยเหนี่ยวกักขังฯ , ลักทรัพย์ และข้อหาอื่น
จากกรณีเมื่อช่วงเดือน พ.ค.59 จำเลยได้ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ นายเดวิด เบอเนต โมราด ชาวสเปน ภายในคอนโดมิเนียมย่านพระราม 9 ก่อนจะนำชิ้นส่วน ไปทิ้งในแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับลักเอาทรัพย์สินของผู้ตายไปกว่า 7 แสนบาท คดีนี้ ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว
โดยวันนี้ศาลเบิกตัว “นายอาเธอร์” จำเลย มาจากเรือนจำบางขวาง เพื่อมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้ ซึ่งปัจจุบันนายอาเธอร์ ถูกคุมขังมานานกว่า3 ปี นับตั้งแต่ถูกจับกุมและฝากขังครั้งแรก เมื่อเดือน ก.พ.59
ขณะที่วันนี้ศาลจัดล่ามสาวภาษาสเปนเพื่อแปลกระบวนพิจารณาและคำพิพากษาให้จำเลยฟังด้วย โดยสื่อมวลชนจากประเทศสเปน ติดตามมาทำข่าวอย่างใกล้ชิด
ศาลฎีกา พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า แม้โจทก์ ไม่มีประจักษ์พยาน แต่โจทก์มีพยานแวดล้อมเชื่อมโยงกันฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้อง จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ประหารชีวิตสถานเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษา โดยมีล่ามแปลภาษาสเปนให้ฟัง “ นายอาเธอร์” จำเลย ถึงกับตัวแดงขึ้นมาทันที และพูดคุยกับล่าม กระทั่งผู้พิพากษาได้ชี้แจงผ่านล่ามว่า กระบวนการตามกฎหมายไทยหากคดีถึงที่สุดแล้วจำเลยสามารถยื่นขออภัยโทษได้
ขณะที่ ทนายความของ “นายอาเธอร์” กล่าวว่า จำเลยทำใจได้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตแล้วว่า ข้อต่อสู้คดีนี้ค่อนข้างยาก เพราะโจทก์เองก็มีพยานหลักฐาน และหลังจากนี้ระหว่างที่รับโทษในเรือนจำก็อยากให้ตนดำเนินการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษตามระเบียบของเรือนจำ อย่างไรก็ตามเมื่อคดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว จำเลยก็มีสิทธิจะยื่นเรื่องขอแลกเปลี่ยนนักโทษ เพื่อจะกลับไปรับโทษที่ประเทศสเปนต่อไป