นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนและเลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) พร้อมคณะทำงาน ได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด ให้สั่งการเร่งนำตัวผู้ต้องหากลุ่ม กปปส. ที่เหลืออีกอย่างน้อย 20 คน ฟ้องต่อศาลอาญาในคดีร่วมกันเป็นกบฏ และขอให้อัยการสูงสุดตั้งกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ โดยมีนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รอง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับมอบหนังสือ
โดยนายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า ภายหลังได้รับมอบหนังสือจะนำเรียน นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุดภายในวันนี้ ส่วนเรื่องคดีที่ยังไม่สามารถฟ้องผู้ต้องหาที่เหลือได้นั้นต้องขอไปตรวจสอบรายละเอียดจากทางสำนักงานคดีพิเศษเเต่ทราบมาว่าก่อนหน้านี้ทางผู้ต้องหาก็มีการยื่นร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา ส่วนเรื่องข้อกังวลที่ว่าบางข้อหาจะหมดอายุความเเล้วจะฟ้องได้ทันหรือไม่นั้น ทางสำนักงานอัยการสูงสุดเราตะหนักเเละให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมากเขื่อว่าเมื่อคำร้องถึง อสส.ท่านก็จะมีข้อพิจารณาสั่งการต่อไปเพื่อประโยชน์เเห่งความเป็นธรรม
ด้าน นายวิญญัติ กล่าวว่า นับแต่มีการสั่งฟ้องผู้ต้องหา 47 คน ฟ้องต่อศาลแล้ว 27 คน ยังเหลืออีก 20 คน ไม่มีการนำตัวมาฟ้องต่อศาลอาญา ทั้งๆที่ผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นชุดเดียวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ มีพฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหาเป็นการร่วมกระทำความผิดและสนับสนุนกระทำความผิด แต่สำนักงานคดีพิเศษกลับปล่อยปละละเลยไม่เร่งดำเนินการให้ได้ตัวมาฟ้อง และยังยอมให้มีการขอเลื่อนนัดหลายครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ไม่มีมาตรการใดที่จะดำเนินการให้ได้ตัวผู้ต้องหาที่เหลือมาฟ้องต่อศาลให้ครบตามสำนวนได้ อาทิ การออกหมายจับ เป็นอำนาจของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ที่จะเร่งดำเนินการตามกฎหมายได้ แต่กลับปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ ไม่นำพาให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายและจัดให้มีการนำตัวผู้ต้องหาดังกล่าวมาฟ้องคดีอาญาต่อศาลแต่อย่างใด จนกระทั่งความผิดบางฐานที่ฟ้องผู้ต้อหาอื่นไปแล้ว เช่น คดีอาญาฐานบุกรุก ตาม ป.อ. มาตรา 362 ซึ่งมีอายุความ 5 ปี จะขาดอายุความในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 อันจะทำให้ผู้ต้องหาที่เหลือได้รับประโยชน์หลุดพ้นคดีบุกรุกไป
ดังนั้น เพื่อเป็นการผดุงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และเพื่อรักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย จึงขอให้อัยการสูงสุดตั้งกรรมการสอบอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ และให้นำตัวผู้ต้องหาที่เหลือส่งฟ้องศาล หากปล่อยปละละเลยจนคดีขาดอายุความ ตนจะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อรักษาประโยชน์ของรัฐ
โดยหลังจากนี้ตนจะติดตามว่าสุดท้ายเเล้วจะมีการนำตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องต่อศาลทันหรือไม่ หากอธิบดีอัยการคดีพิเศษยังไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายตนจะมีการดำเนินการร้องต่อ คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) หรือ ปปช.ต่อไป ซึ่งขณะนี้ตนยังเห็นว่าอัยการสูงสุดยังสามารถที่จะมีคำสั่งกำชับติดตามคดีได้อยู่.