อาชญากรรม

ราชทัณฑ์ แจงไทม์ไลน์ตรวจโควิดแกนนำราษฎร ระบุตรวจยามวิกาลเรื่องปกติ แกนนำไม่ร่วมมือเอง พร้อมขู่จนท.พร

นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงชี้แจงกรณีมีจดหมายขอให้ช่วยชีวิตจากนายอานนท์ นำภา หรือ ทนายอานนท์ ปรากฎในโซเชียลมีเดีย และยื่นต่อผู้พิพากษา และกรณีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ประกาศอดอาหารในเรือนจำด้วย

นายอายุตม์ ระบุว่ากรณีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะอดอาหาร ดื่มเพียงน้ำ นม และเกลือแร่เท่านั้น ทางกรมราชทัณฑ์ จึงจัดเตรียมนมและเกลือแร่ให้ผู้ต้องขัง พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิด เตรียมทีมแพทย์ และนักจิตวิทยาคอยจับตาดูแลความปลอดภัย หากพบว่ามีอาการป่วยจะนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ทันที

ส่วนกรณีนายอานนท์ นำภา หรือ ทนายอานนท์ ระบุผ่านจดหมายว่าถูกเจ้าหน้าที่พยายามนำตัวออกจากห้องควบคุมกลางดึกนั้น ยืนยันว่าเป็นการนำตัวไปตรวจหาเชื้อโควิด 19 ซึ่งเป็นมาตรการปกติของเรือนจำที่ป้องกันการแพร่ระบาด และป้องกันเหตุจราจล กรณีข่าวลือเรื่องการระบาดของโควิดในเรือนจำ

ซึ่งที่ผ่านมาการคัดกรองในรูปแบบนี้ก็ได้ป้องการแพร่ระบาดของโรคได้เป็นอย่างดี และ 90 เปอร์เซ็นต์ ก็พบผู้ป่วยโควิด 19 ที่ไม่แสดงอาการจากการตรวจสอบด้วยวิธีการนี้


ขณะที่ นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ตนเองเป็นรองอธิบดีฝ่ายปฏิบัติการ และเป็นแพทย์ด้วย ขอชี้แจงว่าเหตุการณ์ในวันนั้น หลังจากที่ศาลมีคำสั้งให้ย้ายจำเลย 3 คน ไมค์ ระยอง ไผ่ดาวดิน และโตโต้ จากเรือนพิเศษธนบุรี มาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ จำเลยทั้งหมดมาถึงประมาณ 18.00 น.

ซึ่งจำเลยทั้งสามคนมาจากพื้นที่เสี่ยงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด หลังมีการทำประวัติได้นำตัวไปขังรวมกับจำเลยคนอื่น ๆ ที่แดน 2 ที่ใช้เป็นสถานที่กักกันโรค จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เข้าไปเจรจาขอความร่วมมือ โดยขอร้องให้ทั้งสามคนย้ายห้องแยกจากผู้ต้องขังอื่น ๆ ไปอยู่อีกห้องหนึ่ง ระหว่างรอเจ้าหน้าที่มาตรวจโควิด แต่ทั้ง 3 คนไม่ยินยอม จึงเชิญแพทย์เวรและเจ้าหน้าที่ตรวจโควิดจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นแพทย์หญิง จัดเตรียมเครื่องมือเข้ามาตรวจโควิดในเวลาประมาณ 5 ทุ่ม

แต่จากการเจรจาทั้งสามคนไม่ยอมให้ความร่วมมือ เจ้าหน้าที่จึงนำผู้ต้องขังทั่วไป 9 คนไปตรวจโควิด โดยนำตัวออกไปตรวจในที่โล่งทีละคน ใช้เวลาตรวจทั้ง 9 คนประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ

เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนได้เจรจากับจำเลยที่เหลือขอให้ย้ายห้องอีกครั้ง แต่ทั้งหมดก็ไม่ยินยอม จึงร้องจัดเจ้าหน้าที่ชุดดูแลความปลอดภัยภายในเรือนจำมานำผู้ต้องขังอื่น 9 คน ออกไปและกักตัวจำเลยที่ไม่ยอมตรวจโควิด 14 วัน

ยืนยันว่าตลอดเหตุการณ์ไม่มีการแตะตัวจำเลย และไม่มีเหตุวุ่นวายใด ๆ เกิดขึ้น แต่จำเลยพูดกับเจ้าหน้าที่ว่า “พรุ่งนี้มีเรื่องแน่”

ทั้งนี้การตรวจโควิดในเวลากลางคืนถือว่าเป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมาก็เคยตรวจป้องกันการแพร่ระบาดแบบนี้ในหลายเรือนจำ และก่อนหน้านี้ก็เคยมีการตรวจ 1 ในแกนนำ ในช่วงเวลากลางคืนมาแล้ว ซึ่งแกนนำคนนั้นยังขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนอื่น ๆ อย่างละเอียดด้วย

ยืนยันว่าการคุมตัว จำเลย หรือผู้ต้องขังออกไปนอกสถานที่ เช่น ไปศาล จะมีการค้นตัวทั้งขาไปและขากลับ รวมถึงการเยี่ยมญาตด้วย ดังนั้นจดหมายจากทนายอานาท์ ไม่ได้นำออกไปจากเรือนจำ และในเรือนจำไม่มีเครื่องมือสื่อสาร แม้แต่นาฬิกาก็ไม่มี

ซึ่งกรมราชทัณฑ์ ได้แจ้งความดำเนินคดีกับแอดมินเพจอานนท์ นำภา ไปก่อนหน้านี้แล้ว 2 ครั้ง และจะแจ้งความเพิ่มอีก เพื่อสืบหาว่าแอดมินใช้งานจากที่ไหน

นอกจากนี้ ภายในเรือนจำยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกพื้นที่ รวมถึงภายในห้องควบคุม หากศาลให้เรียกหลักฐานส่วนนี้ก็สามารถนำไปเสนอต่อศาลได้ไม่มีการทำร้ายร่างกาย หรือ ละเมิดสิทธิจำเลย หรือผู้ต้องขังอย่างแน่นอน

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *