อาชญากรรม

รองสว.สืบ บช.น. ติดเชื้อโควิด-19 ต้นสังกัด สั่งผู้ร่วมงานกักตัว14วัน สังเกตุอาการ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อนำเสนอข่าว รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ติดไวรัส COVID – 19 นั้น ได้รับรายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ว่า มีช้าราชการตำรวจ ชั้นสัญญาบัตร ตำแหน่ง รอง สว. ในสังกัด กก.สส.3 บก.สส. ได้เข้ารับการตรวจร่างกายจากสถาบันป้องกันและควบคุมโรคเขตเมืองบางเขน เนื่องจาก มีอาการเป็นไข้ เจ็บคอ ผลการตรวจพบว่า ผลเป็นบวก ติดเชื้อไวรัส โรคโควิด 19 จริง ซึ่งขณะนี้เข้ารักษาอาการอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ

โดยทางหน่วยงาน กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้ดำเนินมาตรการกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานรายอื่น โดยให้เจ้าหน้าที่ กักตัวเอง อยู่ในสถานที่ที่ทำการ หรือ ที่พักตนเอง ห้ามออกนอกพื้นที่เป็นเวลา 14 วัน (กำหนดสิ้นสุดถึงวันที่ 1 เม.ย. 63) เพื่อให้เฝ้าดูอาการตนเอง ประกอบกับ งดพักกำลังพล เพื่อป้องกันไม่ขยายแพร่เชื้อไปที่อื่น ดำเนินการประสานกับบริษัท ทำความสะอาด มาทำการพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณที่ทำการและที่พักชั่วคราว กำชับการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือเจลฆ่าเชื้อบ่อยๆ และ เพิ่มการตรวจวัดไข้ ณ ที่ทำการ ซึ่งดำเนินมาตราการตามประกาศกรมอนามัยและคำแนะนำของกรมควบคุมโรค เพื่อเป็นการป้องกัน ลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของเชื้อ ประกอบกับแนวทางที่กระทรวงสาธารณะสุขกำหนด

รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า สำหรับข้าราชการตำรวจนั้น ให้พึงสังเกตอาการตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากไม่จำเป็น ให้หลีกเลี่ยงหรืองดการเดินทางไปต่างประเทศ หรือ หากจำเป็น ขอให้เตรียมความพร้อมด้านการป้องกันตนเอง เช่น เตรียมเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หน้ากากอนามัย และศึกษาคำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด โดยขอให้ระมัดระวังตนเองเป็นพิเศษ ประกอบกับ หากพบว่าตนเองสุ่มเสี่ยง หรือมีผู้ที่ใกล้ชิดติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID – 19 ให้เฝ้าระวังอาการของตนเองในพื้นที่อาศัย เป็นเวลา 14 วัน หากพบอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ ไอ จาม หายใจเหนื่อยหอบ ให้ไปรีบพบแพทย์โดยทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการรักษา

พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีความเป็นห่วงเป็นใยข้าราชการตำรวจทุกนาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในการคัดกรองบุคคล ทั้งทางบก เรือ อากาศ ขอให้เตรียมความพร้อมและเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคฯ และ หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อ เช่น งานเลี้ยงสังสรรค์ สถานบันเทิง สนามกีฬา เป็นต้น ตลอดจน กำชับผู้บังคับบัญชาทุกภาคส่วน ประสานการทำงานร่วมกับ หน่วยงานสาธารณสุข หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการประชาสัมพันธ์ หรือ สร้างช่องทางรับรู้ เกี่ยวกับการป้องกันตนเองไม่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) และ สังเกตอาการที่สุ่มเสี่ยง หรือ เฝ้าระวังตนเอง บุคคลใกล้ชิด อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *