พันตำรวจเอกไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ รองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ไปศาลทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อยื่นฟ้อง พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรงจแห่งชาติ ในข้อหาใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายโดยมีมูลเหตุจูงใจด้วยสาเหตุโกรธเคือง
จากกรณีที่ พันตำรวจเอกไพรัตน์ ทำบันทึกกล่าวหาต่อ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ให้พิจารณาลงโทษวินัยร้ายแรงกับ นายตำรวจระดับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายหนึ่ง ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ที่อ้างว่าให้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานจเรตำรวจออกสุ่มตรงจทรงผมเมื่อประมาณกลางปี 2561 แต่ปรากฎหลักฐานว่า จากจำนวนข้าราชการตำรวจทั่วประเทศประมาณ กว่า 2 แสนนาย ได้มีการกำหนดตัว พันตำรวจเอกไพรัตน์เป็น “เป้าหมาย หนึ่ง ” เมื่อพบว่าเป้าหมายหนึ่ง ตัดผมเรียบร้อยตามระเบียบ ก็ไม่ยอมจบ ได้ไปนำภาพถ่ายเก่า มาเป็นเหตุสั่ง ไปประจำที่ศูนย์ปฎิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก. ตร เมื่อทำบันทึกกล่าวหาไป ถึงพลตำรวจเอกจักรทิพย์ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2562 คำสั่งที่ผ่านมา กลับถูกย้ายจาก รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี ไปเป็นรองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เชื่อว่า คำสั่งโยกย้ายดังกล่าว ไม่ได้กระทำไปเพื่อประโยชน์ต่อทางราชการ แต่เป็นการกระทำไปเพื่อมุ่งหวังให้เกิดความเสียหายแก่พันตำรวจเอกไพรัตน์ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
พันตำรวจเอกไพรัตน์ เปิดเผยว่า การที่มายื่นฟ้องผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ไม่ได้ต้องการท้าชน หรือลองดีแต่อย่างใด แต่เป็นการฟ้องตามหลักการเพราะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้อนุมัติคำสั่งโยกย้ายตำรวจทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองก็เคยทำเรื่องร้องขอความเป็นธรรมไปแล้ว แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่ได้นำไปพิจารณา
ส่วนความขัดแย้งกับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คู่กรณี ที่คอยตามกลั่นแกล้งตนมาตลอด ขอไม่เปิดเผย เพราะเป็นข้อมูลในสำนวนคำฟ้อง แต่เปิดเผยเพียงว่า รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนดังกล่าวเป็นเพื่อนร่วมรุ่น โรงเรียนนายร้อยตำรวจ กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ