พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร. )พร้อมทีมพนักงานสอบสวน นำสำนวนการสอบสวน และเอกสารคดีระเบิดในพื้นที่ กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล รวม 18 คดี จำนวนกว่า 13,000 แผ่น พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา 21 คน ในข้อหาอั้งยี่, ซ่องโจร, ก่อการร้าย และข้อหาอื่น ๆ มาส่งมอบให้นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ที่สำนักงานอธิบดีอัยการ คดีอาญา ชั้น 4 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 2 เดือน ซึ่งปัจจุบัน พบมีผู้ต้องหา ทั้งหมด 21 คน โดยผู้ต้องหาที่ 1 – 21 ถูกแจ้งข้อหา อั้งยี่และซ่องโจร
ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 – 15 และ 20 ข้อหาร่วมกันก่อการร้าย, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือ ทรัพย์ของผู้อื่นร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นและโรงเรือนอันเป็นที่เก็บสินค้า, ร่วมกระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัสพาอาวุธ (ระเบิด) ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร, ร่วมกันทำใช้ มีไว้ซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้, มียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตรวม 11 ข้อหา
ในการนี้ผู้ต้องหาที่ 1, 2 และ 21 ได้ถูกจับกุมและฝากขังอยู่ที่ศาลอาญา ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 ถึงผู้ต้องหาที่ 20 รวม 18 คน หลบหนีออกนอกประเทศ และศาลอาญาได้ออกหมายจับไว้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 17-18 ก.ย. 62 โดยคดีมีอายุความในการติดตามตัวมาฟ้องคดี 20 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตาม ตามขั้นตอนของกฎหมาย เบื้องต้น พบผู้ต้องหาทั้งหมด มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายสิงห์ชัย เปิดเผยว่า คดีนี้ มีการกระทำความผิดในพื้นที่นอกราชอาณาจักรด้วย ดังนั้นขั้นตอนในการสั่งคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 ให้อำนาจอัยการสูงสุด เป็นผู้สั่งคดี ดังนั้น เมื่อวันนี้ ได้รับมอบสำนวนแล้วก็จะส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด ผ่านทางสำนักงานคดีอัยการสูงสุด ต่อไป โดยในส่วนของสำนักงานคดีอาญาก็ได้ตั้งคณะทำงาน 6 คน ในสำนักงานคดีอาญา 6 ที่มีนายพรชัย ชลวาณิชกุล รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ซึ่งจะดูแลในส่วนของการร่างคำฟ้อง หากอัยการสูงสุดมีความเห็นทางคดีออกมาว่าสั่งฟ้อง
ขณะที่ นายพรชัย รองอธิบดีอัยการคดีอาญา กล่าวว่า แม้ว่าระยะเวลาการควบคุมผู้ต้องหา จะมีระยะเวลาการฝากขังในส่วนของผู้ต้องหา 3 คน จาก 21 ราย เหลืออีกเพียง 12 วัน แต่ก็มั่นใจว่า จะพิจารณาสำนวนทั้งหมดได้ทัน ตามกรอบระยะเวลา โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ถูกคุมตัวมาแล้ว 6 ผลัด ทั้งนี้หลังพิจารณาสำนวนอย่างถี่ถ้วนแล้วจะแถลงความคืบหน้ากับสื่อมวลชนต่อไป
ต่อมา พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บังคับการปราบปราม (รองผบก.ป.) เปิดเผยว่า คดีนี้ คนร้ายมีพฤติการณ์ร่วมกันทำให้เกิดระเบิด สืบเนื่องจากเหตุการณ์ ระเบิดที่หน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีเหตุการณ์ต่อเนื่องในพื้นที่กทม. และ ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งพนักงานสอบสวน สรุปสำนวนได้ 18 คดี ประกอบด้วยพื้นที่ สน.ปทุมวัน 4 คดี ยานนาวา 2 คดี พญาไท 7 คดี ทุ่งสองห้อง 4 คดี และ ปากเกร็ด 1 คดี