น.ส.รสนา โตสิตระกูล เดินทางเข้าติดตามความคืบหน้ากรณีที่ได้ยื่นหนังสือถึงกรมสอบ สวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอขอให้รับคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม เป็นคดีพิเศษ หลังทราบว่าวันนี้คณะกรรมการกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอจะมีการพิจารณาว่าจะรับหรือไม่เป็นคดีพิเศษหรือไม่ หากไม่รับเพราะสาเหตุอะไร เนื่องจากตนเองมองว่าคดีนี้มีเงื่อนงำหลายอย่างและมีแนวโน้มการดำเนินคดีว่าประมาทหรืออุบัติเหตุ ทั้งที่คดีอาจเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง โดยมีผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้อง และมีขบวนการทำลายพยานหลักฐาน อาจมีการเบี่ยงเบนผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ด้วยและปล่อยให้คนผิดลอยนวลหรือไม่ เพราะหลักฐานต่างๆยังค้านสายตาประชาชน หากปล่อยไปโดยที่สังคมไม่เชื่อมั่นการทำงานของตำรวจก็จะทำให้เกิดรัฐล้มเหลวได้และมองว่าควรมีการปฏิรูปตำรวจ
นางรสนา ยืนยันว่าที่ออกมาเรียกร้องคดีนี้ไม่ใช่การหิวแสงแต่หิวความยุติธรรม โดยที่ผ่านมาติดตามเรื่องความเป็นธรรมาตลอดและตนเองมีแสงในตัวเองอยู่แล้ว โดยขอไม่พูดถึงประเด็นครอบครัวของแตงโม โดยเฉพาะแม่ของแตงโมที่ไม่ประสงค์ให้เป็นคดีพิเศษ แต่ที่ออกมาเรียกร้องเพราะอยากให้เป็นบรรทัดฐาน แต่อย่างไรก็ดีหากที่สุดแล้วดีเอสไอไม่รับเป็นคดีพิเศษก็เป็นสิทธิ์ที่ดีเอสไอจะพิจารณาได้ ตนเองถือว่าได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว ยืนยันว่าไม่ได้เกาะกระแสแน่นอน
DSI ยังไม่สรุปจะรับคดี”แตงโม”เป็นคดีพิเศษ ชี้ต้องพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขหรือไม่
วันนี้ ( 28 มี.ค.) วันนี้ นายไตรยฤทธ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เรียกคณะแพทย์จากสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ และคณะแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมประชุมชุดที่ทำการชันสูตรศพของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ดาราสาว ตกเรือสปีดโบ๊ทเสียชีวิตว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกหลังผู้ร้องเรียนเพื่อให้ดีเอสไอ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ เพราะมองว่าคดีนี้มีลักษณะเป็นการฆาตกรรมอำพราง/มีผู้มีอิทธิพลเข้าไปยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐาน เบี่ยงเบนประเด็นการชันสูตรการเสียชีวิต และรายละเอียดของคดีมีความซับซ้อนน่าสงสัย เหมือนจงใจทำให้คดีนี้เป็นอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต ทั้งที่ยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่นชัด ซึ่งแม้ว่าผู้ร้องจะไม่ใช่ญาติหรือผู้เสียหายแต่เนื่องจากเป็นคดีอาญาแผ่นดิน และคดีมีความซับซ้อน จึงรับคำร้องไว้พิจารณาและดีเอสไอไม่รอช้า วันนี้จึงเรียกทีมแพทย์ผ่าชันสูตรแตงโมทั้ง 2 รอบ มาประชุมและให้ข้อมูลกับคณะกรรมการ เป็นครั้งแรก ส่วนครั้งต่อไปจะมีการร้องขอพยานหลักฐานจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อประกอบสำนวนการประชุม
เบื้องต้นวางกรอบไว้ไม่เกินเดือนเมษายน 2565 ก่อนมอบให้คณะอนุกรรมกลั่นกรองพิจารณา และเสนอไปยังคณะกรรมการที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านยุติธรรม เป็นประธานคณะกรรมการคดีพิเศษชุดใหญ่ พิจารณาก่อนสรุปว่าจะรับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษ
ทั้งนี้ การจะรับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษจะต้องเข้าเงื่อนไข 5 ข้อ คือ คดีมีความซับซ้อน ต้องรวบรวมหลักฐานจำนวนมาก, คดีมีความกระทบต่อสังคม ,กระทบความมั่นคงและเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ,เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, มีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ซึ่งจะต้องประมวลจากข้อเท็จจริงที่ปรากฎทั้งหมด อย่างไรก็ตามการพิจารณาจะรับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษจะต้องดำเนินการก่อนที่พนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนให้อัยการและอัยการมีคำสั่งฟ้อง เพราะหากอัยการสั่งฟ้องแล้วก็จะถือสิ้นสุดกระบวนการสอบสวนทันที และไม่สามารถดึงสำนวนกลับมาได้