นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พร้อมด้วย นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) เดินทางไปยื่นหนังสือกับ พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณีคดีของ”แตงโม นิดา” หรือน.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ที่พลัดตกเรือสปีดโบ๊ทกลางแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิตเพื่อให้รับเป็นคดีพิเศษ
โดยในเอกสาร ระบุว่า มีความสงสัยในการทำงานของตำรวจ กรณีการเสียชีวิตของ “แตงโม-นิดา” ที่มีทิศทางในการดำเนินคดีว่าประมาทหรืออุบัติเหตุ แต่พยานหลักฐานบ่งชี้ว่าอาจจะเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง โดยมีผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้อง และมีขบวนการทำลายพยานหลักฐาน โดยอาจมีการเบี่ยงเบนผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ให้เสมือนว่าเป็นการจมน้ำตายธรรมดา คดีนี้จึงไม่อาจให้พนักงานสอบสวนในคดีปกติทำหน้าที่ได้ ต้องใช้หน่วยงานที่มีวิธีการสอบสวนคดีพิเศษ โดยบุคลากรที่มีความหลากหลายทางอาชีพ ภายหลังการยื่นหนังสือ
น.ส.รสนา เปิดเผยว่า ตามที่อธิบดีดีเอสไอ ให้สัมภาษณ์สื่อว่าคดีคุณแตงโม เป็นคดีความผิดต่อร่างกาย ซึ่งไม่เข้าข่ายคดีพิเศษ แต่ตนเองมองว่า คดีนี้ทำให้สังคมกังวลสงสัย อยากให้มีการพิสูจน์ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรมอำพราง ซึ่ง แตงโม เป็นผู้หญิง เหตุที่เกิดขึ้นทำให้ผู้หญิงรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิต ตนเองจึงมายื่นขอให้อธิบดีดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ก่อนที่หลักฐานจะสูญหาย โดยประเด็นที่สงสัย ได้แก่ เรื่อง บาดแผลในร่างกายแตงโม / พยานวัตถุ เช่น เรือ / รวมถึงพฤติกรรมกลุ่มเพื่อน ที่คนตกน้ำไปทั้งคนแต่ไม่ช่วยกัน และประเด็นอื่นๆ โดยการมายื่นเรื่องในวันนี้ยังไม่ได้ประสานแม่ของคุณแตงโมไว้ก่อน แต่มาเองในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเท่าที่พูดคุย หากญาติมายื่นเรื่องเอง จะทำให้การเดินเรื่องสะดวกกว่า
ด้าน นายนิติธร ล้ำเหลือ มองว่า การทำงานที่ผ่านมา ตำรวจไม่สามารถอธิบายถึงพยานหลักฐานต่าง ๆ จึงทำให้ขบวนการหาพยานหลักฐานไม่ครบถ้วนรอบด้าน โดยเฉพาะเรื่องบาดแผล เกิดขึ้นก่อนหรือหลังตกน้ำ เกิดบนเรือหรือไม่ ซึ่งมีผลต่อรูปคดี รวมถึงการตกน้ำ ตกในสภาพที่มีสติหรือหมดสติ เพราะหากประเด็นเหล่านี้คลี่คลาย ข้อหาอาจไม่ใช่อุบัติเหตุ
ขณะที่ พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า คดีคุณแตงโมไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขคดีพิเศษ แต่ก็สามารถนำเข้าเป็นกรณีพิเศษได้โดยต้องผ่านที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้ความสำคัญ ทำให้คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการพิจารณา ส่วนจะไม่ทันการสรุปสำนวนของตำรวจภูธรภาค 1 ก็ต้องพูดคุยกับตำรวจว่าจะสรุปสำนวนไปในทิศทางไหน