ตำรวจกองปราบปรามเข้าจับกุมตัว น.ส.ศิริลักษณ์ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 70/2561 ลงวันที่ 16 มกราคม 2561 โดยกล่าวหาว่า “สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ และข้อหาอื่น
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2560 น.ส.เอ(นามสมมติ) ถูกกลุ่มคนร้ายชักชวนให้ไปทำงานที่ประเทศบาห์เรน จึงขึ้นเครื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิไปถึงประเทศบาห์เรน มี น.ส.ไอชลิยา เดินทางมารับ แล้วยึดพาสปอร์ต เงินสด และโทรศัพท์ ก่อนพาตัวมาพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งและบังคับให้ค้าประเวณี แต่ น.ส.เอ ไม่ยอม จึงถูกส่งตัวให้ น.ส.ศิริลักษณ์ ซึ่งเป็นแม่เล้าอีกโรงแรมหนึ่ง แต่ผู้เสียหายก็ยังไม่ยอมค้าประเวณี ทำให้ถูกเอาตัวไปขายต่อให้แม่เล้า ชื่อ น.ส.อัครสมนต์ จนกระทั่ง น.ส.เอ แอบใช้โทรศัพท์ติดต่อมาหาญาติที่ประเทศไทย เพื่อให้ประสานกับสถานเอกอัครทูต ณ กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน เข้าช่วยเหลือนำตัวส่งกลับมายังประเทศไทย และประสานงานมายัง บก.ปคม. และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ และต่อมากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ได้ถูกจับกุมตัวดำเนินคดีไปแล้วจำนวน 3 ราย แต่ในส่วน น.ส.ศิริลักษณ์ฯ ยังคงหลบหนีการจับกุมอยู่
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้สืบสวนจนทราบว่า น.ส.ศิริลักษณ์ฯ เดินทางไปเยี่ยมลูกและไปประกอบอาชีพค้าขายอยู่ในพื้นที่ จ.แพร่ จึงได้ติดตามไปจนกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด
น.ส.ศิริลักษณ์ฯ ให้การว่า ตนเองก็เป็นหนึ่งในหญิงไทยที่สมัครใจไปค้าประเวณีที่ประเทศบาห์เรน แต่ตนไปทำงานเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว จึงมีหน้าที่แนะนำและให้คำปรึกษาเด็กใหม่ที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ควบคุมตัว นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
