อาชญากรรม

รถหายให้รีบแจ้งตำรวจช่วยติดตาม-เคลมประกันจ่ายค่าชดเชยตามสัญญา

สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ หรือ รถจักรยานยนต์ สิ่งที่กลัวพอๆกับเรื่องอุบัติเหตุ คือ เรื่องรถหายหรือถูกโจรกรรม เพราะคนที่ต้องผ่อนรถกลัวเหลือเกินว่าจะต้องผ่อนกุญแจเปล่า วันนี้ มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของรถหาย และข้อแนะนำสำหรับผู้ที่รถหายไปจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง

ข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ในช่วงปี2561 ที่ผ่านมา พบว่า มีประชาชนเข้ามาแจ้งความเรื่องรถหาย จำนวน 369 คัน เรียกได้ว่าค่าเฉลี่ยรถหาย 1 คัน ต่อ 1 วัน ในจำนวนนี้ แบ่งเป็นแจ้งเหตุรถยนต์หาย จำนวน 63 คัน ตำรวจจับกุมและยึดรถคืนได้มา 43 คัน ซึ่งยี่ห้อของรถยนต์อันดับ 1 ที่สูญหาย คือ รถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ จำนวน 34 คัน รองลงมา เป็นรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า จำนวน 24 คัน รถเก๋ง ยี่โตโยต้า ยาริส จำนวน 3 คัน และรถยนต์ยี่ห้ออื่นๆ ในส่วนของรถจักรยานยนต์ ตำรวจได้รับแจ้งหายไว้จำนวน 306 คัน สามารถจับกุมยึดคืนได้ 225 คัน ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า จำนวน 216 คัน จากสถิติการจับกุมยึดรถคืนมาให้ผู้เสียหาย ได้ ตลอดปี 2561 มากกว่า 50 % และจากการเปรียบเทียบระหว่างปี 2560 และ 2561 พบว่าสถานการณ์ การโจรกรรมรถ มีแนวโน้มลดลง


ขณะที่ทาง พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 กล่าวว่า โดยส่วนใหญ่รถที่ถูกโจรกรรมไปหากคนร้ายเป็นบุคคลหรือมือสมัครเล่น จะนำรถที่ขโมยได้ไปขายทั้งคัน แต่หากคนร้ายเป็นกลุ่มหรือมีการทำงานเป็นกระบวนการ จะนำรถไปชำแหละแยกชิ้นส่วน พร้อมส่งขายนอกประเทศ นอกจากนี้กลุ่มคนร้ายได้มีการพัฒนาและไม่เกรงกลัวกฎหมาย เนื่องจากพบว่ามีการประกาศขายรถที่ขโมยมาได้ตามสื่อโซเชียล ทำให้ตลอดปี 2561 ที่ผ่านมา หน่วยงานในสังกัดภาค1 ต้องทำการลงพื้นที่ตรวจสอบตามจุดเสี่ยงต่างๆ กว่า 11,073 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ตามเต้นท์รถมือสอง ร้านซ่อมรถ ร้านจำหน่ายอะไหร่มือสอง หรือแม้กระทั่งการตรวจสอบเฟสบุ๊คต้องสงสัย เพื่อดำเนินการจับกุมตรวจยึดรถเพื่อส่งคืนให้แก่ประชาชนให้ได้มากที่สุด

“ประชาชนเองหากตกอยู่ในสถานการณ์ถูกโจรกรรมรถยนต์ อันดับแรกที่ต้องทำคือรีบแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือโทรแจ้งผ่านสายด่วน 1192 เพื่อความรวดเร็วในการติดตามและสกัดจับ รวมถึงนำหลักฐานเป็นทะเบียนรถที่สูญหาย ไปแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่” รอง ผบช.ภ.1 กล่าว

ส่วนกรณีที่หลายคนสงสัย หากเกิดเหตุรถที่ทำการเช่าซื้อสูญหาย จะต้องผ่อนชำระต่อหรือไม่นั้น โดยหากกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในมาตรา 567 ระบุว่าหากรถที่เช่าซื้อสูญหาย สัญญาเช่าซื้อย่อมระงับตาม เว้นแต่รถที่เช่าซื้อได้ทำประกันภัยไว้ ทางบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้จ่ายค่าสินไหมทดแทน แต่ถ้าหากรถที่เช่าซื้อไม่ได้ทำประกันภัยไว้ ให้กลับไปดูที่ข้อตกลงในสัญญาการเช่าซื้อ แหมผู้เช่าซื้อไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้อในส่วนที่เหลือแต่ยังคงต้องรับผิดชอบในส่วนของเบี้ยปรับและค่าทำเนียมต่างๆตามข้อกำหนดในสัญญาเช่าซื้อนั้นๆ

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก บริษัทประกันภัยรถยนต์ อย่าง “เจ้าพระยาประกันภัย” ให้ข้อมูลสำหรับผู้ที่รถยนต์หรือรถยนต์สูญหายไป ว่า หากรถยนต์ได้ทำประกันภัยรถยนต์ที่ครอบคลุมการถูกโจรกรรมเอาไว้ ก็ให้รีบแจ้งบริษัทประกันภัยของรถนั้นๆ ให้มาตรวจสอบสถานที่ วัน เวลาที่รถหาย เพื่อที่จะได้ทำเรื่องเคลมประกันและจ่ายเงินค่าชดเชยให้ตามสัญญา แต่หากเป็นรถที่เช่าซื้อมา และยังผ่อนไม่หมด แนะนำให้แจ้งบริษัทไฟแนนซ์ เพื่อให้ไฟแนนซ์ได้ติดต่อบริษัทประกันภัย เพื่อทำเรื่องเคลมประกัน และคำนวณว่าเงินชดเชยที่จะได้รับนั้นเท่ากับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายให้กับไฟแนนซ์ต่อไปหรือไม่ หากเท่ากันก็ไม่ต้องจ่ายอะไรอีก แต่หากน้อยกว่า ก็ต้องจ่ายต่อไปจนครบตามสัญญา แต่หากเจ้าของรถไม่แจ้งไฟแนนซ์ ว่ารถหายแล้วไฟแนนซ์ขอตรวจสอบรถและไม่พบ เจ้าของรถอาจจะถูกไฟแนนซ์แจ้งความร้องทุกข์ในข้อหายักยอกทรัพย์ได้

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *