พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.) แถลงผลระดมปราบปรามการแข่งรถในทางสาธารณะในพื้นที่นครบาลและกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ช่วงระหว่างวันที่ 20 – 30 มิถุนายน 2563 เพื่อป้องกันการรวมตัวแข่งรถ
หลังรัฐบาลยกเลิกเคอร์ฟิวและผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ สามารถจับการแข่งรถในทาง และสนับสนุนให้มีการแข่งรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย 109 ราย, ทำทัณฑ์บนบิดามารดาผู้ปกครอง 668 ราย, ดำเนินคดีร้านค้า, ดัดแปลงรถหรืออุปกรณ์ 3,088 ราย, ดำเนินคดีกับแอดมินเพจ 93 ราย, ตรวจยึดรถยนต์ 208 คัน, ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ 11,743 คัน โดยมีคดีที่น่าสนใจ เช่น การจับกุมแอดมินเพจต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ปทุมธานี และสิงห์บุรี ที่มีการโพสชักชวนสมาชิกในกลุ่มรวมตัวแข่งรถในทางสาธารณะ ซึ่งตำรวจจับกุมและดำเนินคดีกับทั้งแอดมิน และกลุ่มผู้แข่งรถ ฐานฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินฯ รวมถึง การจับกุม นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง และจากภาพรวมการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน พบว่า ในเดือนมิถุนายน มีไม่ถึง 300 รายต่อเดือน จากปกติที่ได้รับแจ้งเหตุทั่วประเทศมากกว่า 600 รายต่อเดือน
พลตำรวจโทดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า หลังจากนี้ ตำรวจทั่วประเทศ จะเดินหน้าสืบสวนหาข่าวการรวมตัวแข่งรถในทางสาธารณะอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ การนัดหมายรวมตัวตามเพจ หรือ สื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ พร้อมวางแผนจับกุมขณะเกิดเหตุ และ ขยายผลไปถึงร้านค้าดัดแปลง สนับสนุนให้มีการแข่งรถ รวมถึง กองเชียร์ต่าง ๆ โดยทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ ตำรวจมีการเก็บข้อมูลกลุ่มเสี่ยงที่จะมีการแข่งรถแล้วกว่าแสนคน ที่จะมีการนำตัวมาอบรมพัฒนาจิตใจต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 ได้ฝากเตือนไปยังผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานไม่ให้กระทำความผิดลักษณะนี้เพราะตรำรวจได้ดำเนินการกวดขันกวาดล้างอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ต้องหาที่เป็นแอดมินเพจต่าง ๆ บางส่วนอ้างว่า ไม่เคยนัดหมายให้มีการแข่งรถในทางสาธารณะ ขณะที่ บางส่วนยอมรับผิด และฝากถึงผู้ที่คิดจะกระทำผิด อย่ามีพฤติกรรมลักษณะเดียวกัน เพราะนอกจากตนเองจะมีความผิดแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครอง อาจถูกดำเนินคดีด้วย