พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังประชุมเตรียมความพร้อมและวางมาตราการรับมือการชุมนุมในวันที่ 6 มี.ค.ว่า ที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมมีลักษณะชุมนุมแบบกระจายตัว จึงทำให้ตำรวจต้องปรับแผนเพื่อเตรียมรับมือ ส่วนตำรวจจะใช้กำลังเท่าไหร่นั้นต้องพิจารณาจากกลุ่มผู้ชุมนุม ส่วนการชุมนุมวันที่ 6 มี.ค. นี้ พบว่าผู้ชุมนุมบางกลุ่มยังไม่มีข้อสรุป ดังนั้นตำรวจจึงติดตามและประเมิมตามสถานการณ์
ส่วนมาตรการรับมือหากกลุ่มผู้ชุมนุมก่อเหตุเผาลำลายสถานที่สำคัญ, ลำลายทรัพย์สินส่วนราชการ หรือแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจก็จะไล่ดำเนินคดีให้ครบทุกราย ยืนว่าการจับกุมดำเนินคดีไม่ใช่ทางออกของการแก้ไขปัญหา
ส่วนกรณีที่ตำรวจถูกตั้งข้อสงสัย ว่าการจับกุมแกนนำและไม่ให้ประกันตัวนั้น ยืนยันว่าในชั้นพนักงานสอบสวนตำรวจไม่ให้ประกันตัวอยู่แล้ว และความผิดเกิดขึ้นในเฉพาะบุคคล ส่วนการจะได้รับการประกันตัวหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับอำนาจและดังดุลพินิจของศาล โดยตำรวจไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ ยืนยันตำรวจทำตามหน้าที่ไม่ได้กลั่นแกล้ง
ส่วนกรณีที่มีร้อยตำรวจเอกเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ในการชุมเมื่อวันที่ 28 ก.พ.นั้น ได้สั่งการให้ปรับมาตรการคัดกรองโรคกลุ่มเสี่ยงสำหรับผู้ที่จะมาทำหน้าที่ควบคุมฝูงชน จากเดิมที่กำหนดเกณฑ์อายุ50ปีขึ้นไป ปรับลดเหลือ45 ปี ขึ้นไป พร้อมกำชับผู้บังคับบัญชาให้ขังเข้มงวดเรื่องตรวจสุขภาพของผู้ใต้บังคับบัญชาที่จะมาปฎิบัติหน้าที่ในทุกระดับชั้น ส่วนการสูญเสียที่เกิดขึ้นยืนยันตำรวจไม่ได้เสียขวัญ แต่ยอมรับว่าบางครั้งเรื่องสุขภาพไม่สามารถควบคุมได้จึงขอให้นำไปเป็นบทเรียน