พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
มีมติ ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่ 1-31 พ.ค.2563 ในส่วนของ กองบัญชาการ ตำรวจนครบาล ที่ผ่านมาได้มีการปฏิบัติหน้าที่ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในด้านการร่วมมือกับเอกชนในหารแจกจ่ายอาหารกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ, การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ต่าง ๆ, การจับกุมผู้ค้าสินค้าควบคุม(หน้ากากอนามัยหรือเจลล์ล้างมือแอลกอฮอล์) ที่ไม่ได้คุณภาพ และเกินราคา, การตั้งด่านตรวจสกัด และ การจับกุมผู้ที่ออกนอกเคหะสถานในเวลากลางคืน
ทั้งนี้ผลจากการทำงาน สามารถจับกุมผู้กระทำความผิด ในส่วนของผู้ที่ออกนอกเคหะสถานในเวลากลางคืน ได้ประมาณ 1,400 คน แบ่งเป็นจับกุมได้ที่ด่าน ประมาณ 900 คนและ จับกุมได้นอกด่าน 500 คน สำหรับการจับกุมผู้ค้าสินค้าควบคุมไม่ได้คุณภาพหรือเกินราคา สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 93 ราย ยึดของกลางได้ประมาณ 300,000 ชิ้น
เบื้องต้น จะยังปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของด่านคัดกรองควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระหว่างรอยต่อจังหวัด ในพื้นที่เขต จ.สมุทรปราการ, นนทบุรี และ ปทุมธานี ส่วนการ
ตั้งด่านจับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ก็คงจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง ส่วนการปรับจำนวนด่าน จะเพิ่มหรือลดนั้น จะมีการประเมินผลการปฏิบัติไปเรื่อย ๆ ซึ่งจุดประสงค์ของการตั้งด่านนั้นก็เพื่อควบคุมโรคและป้องกันปราบปรามอาชญากรรม
อย่างไรก็ตามพล.ต.ท.ภัคพงศ์ ยังระบุว่า การมีพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถือเป็นเครื่องมือที่จะใช้ในการควบคุมโรคและปราบปรามอาชญากรรม เพราะหากไม่มีคำสั่งดังกล่าว เจ้าหน้าที่ก็จะไม่มีอำนาจในการดำเนินการกับผู้ที่กระทำผิด เช่นการจับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว รวมถึงการปิดสถานบริการบางประเภท นอกจากนี้ยังกล่าวถึงจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยว่า ปัจจุบัน คงเหลือเจ้าหน้าที่ 9 นาย จากทั้งหมด 38 นาย ที่ยังคงอยู่ระหว่างการรักษา