พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาคนนี้มีความเชื่อมโยงจากเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดที่เคยถูกจับมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการจับผู้ต้องหาค้าไอซ์ 400 กิโลกรัม เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว ที่พบว่าผู้ต้องหาโอนเงินไปกว่า 3 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ต้องหาไปซื้อรถยนต์มาลำเลียงยาเสพติด
ขณะที่พลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า การตรวจสอบเบื้องต้น ยังพบผู้ต้องหาทำธุรกิจบังหน้าหลายอย่าง ทั้งธุรกิจค้าขายเสื้อผ้า ห้องเช่า ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว ตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นหาพยานหลักฐานมาประกอบสำนวนคดีจนนำไปสู่การเชื่อมโยงถึงกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด และขอศาลออกหมายจับได้ซึ่งก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมค้ายาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่งในไทย แต่ยังให้การปฏิเสธ
หลังจากนี้ ตำรวจจะได้คุมตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนต่อที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และตรวจสอบการทำธุรกิจว่าประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องหรือไม่ และเบื้องต้นได้เตรียมอายัดทรัพย์ทรัพย์สิน และบ้านพักไว้ตรวจสอบมูลค่ากว่า 130 ล้านบาท