อาชญากรรม

บิ๊กโจ๊ก รวบนายหน้า หลอกชาวไทย ทำงานแก๊งค์คอลเซนเตอร์ ที่ฟิลิปปินส์ พบทำมา4-5ปี ได้ค่าจ้าง1หมื่นต่อค

พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จับกุม น.ส.วิวรรณ ญาณเรือง อายุ52ปี ชาวอุดรธานี นายสุรัตน์ เทียนไชย กับพวกรวม4ราย ผู้ต้องหาร่วมกันเป็นนายหน้าชักชวนคนไปทำงานเป็นพนักงานแก๊งค์คอลเซนเตอร์ที่ประเทศฟิลิปปินส์ พร้อมยึดของกลางบัญชีธนาคาร ,หนังสือเดินทางพาสสปอร์ต,โทรศัพท์มือถือจำนวนหนึ่ง จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้รับการติดต่อจากนายผายกู๋ ชาวไต้หวัน หัวหน้ากลุ่มแก๊งค์คอลเซนเตอร์ เพื่อจัดหาคนไปทำงานเป็นพนักงานคอลเซนเตอร์ที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยจะได้ค่านายหน้าในการจัดหาคนไปทำงาน รายละ 10,000บาทและมีค่าเปอร์เซนให้อีก

รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกเข้าจับกุมและทลายแก๊งค์คอลเซนเตอร์ กลางกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์สามารถ จับกุมผู้ต้องหาชาวไทย จำนวน16รายและชาวไต้หวันจำนวน3ราย จึงสืบสวนขยายผล ตรวจเชคโทรศัพท์มือถือจนนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาทำมานานกว่า4-5ปีแล้ว พร้อมยืนยันว่าขบวนการแก๊งค์คอลเซนเตอร์ในไทยไม่มีหลงเหลือแล้ว กลุ่มคนร้ายไม่กล้าหลอกคนไทยในแผ่นดินไทยแต่พบว่ามีการหลอกไปเป็นพนักงานแก๊งค์คอลเซนเตอร์ในต่างประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนขยายผลต่อเนื่อง โดยเฉพาะรอการสอบปากคำผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมที่จีน /กัมพูชา/ ดูไบ /เนื่องจาก มั่นใจว่ายังมีนายหน้าที่หลอกคนไทยไปทำงานในลักษณะเดียวกันอีก พร้อมเตือนไปยังผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ขอให้เลิกทั้งหมดไม่เช่นนั้นจะต้องถูกดำเนินคดี ด้าน นายสุรัตน์ 1ในผู้ต้องหาทำหน้าที่เป็นล่ามกล่าวว่า ได้คุยกับหัวหน้าแก๊งค์ผ่านทางวีแชท


ส่วนการชักชวนเหยื่อจะบอกกับเหยื่อว่าโดยตรงว่าจะพาไปทำงานเป็นพนักงานคอลเซนเตอร์โดยให้ค่าตอบแทนที่สูง ตั้งแต่เดือนละ 25,000-30,000บาท โดยบางคนไปทำเพียง5เดือน ได้เงินค่าจ้างจำนวนกว่า1ล้านบาท ขณะที่บางส่วนถูกหลอกไปทำงานเป็นคนสวนในฟิลิปปินส์ เบื้องต้นตำรวจได้ดำเนินคดีข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่สมกันเป็นอั้งยี่ซ่องโจร ร่วมกันมีส่วนตาม พรบ.องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นบทลงโทษหนัก

อย่างไรก็ตาม รองผบช.ทท.กล่าวว่านอกจากขบวนการแก๊งค์คอลเซนเตอร์แล้ว จะเดินหน้ากวาดล้างจับกุมแก๊งค์โแมนซสแกรม และดอกเบี้นเงืนกู้นอกระบบอย่างจริงจัง และจะดำเนินคดีฐานฉ้อโกงประชาชนอัน เป็นความผิดตาม พรบ.ฟอกเงินฯซึ่งได้ประสานกับ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดแล้ว

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *