อาชญากรรม

บิ๊กโจ๊ก บุกค้นเต้นท์รถดังบุรีรัมย์ รวบผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชน


พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ในฐานะรอง ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปราอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. แถลงผลการปิดล้อมตรวจค้น 4 จุดในพื้นที่อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ โดยเป็นการขยายผลเข้าตรวจสอบเต้นท์รถสมบูรณ์ยนตรการ และหจก.นิ่มนวลยนตรการ รวมทั้งคาร์แคร์ล้างรถ หลังผู้เสียหายกว่า 100 ราย เข้าร้องเรียนกับ ศปอส.ตร. ว่าถูกเต้นท์รถแห่งนี้กระทำนิติกรรมอำพรางในลักษณะฉ้อโกงประชาชน โดยในเบื้องต้นได้ทำการตรวจยึดอายัดทรัพย์สินอาทิ บ้านที่พักอาศัย โฉนดที่ดิน รถยนต์กว่า 227 คันมูลค่ากว่า 292,656,000 บาท

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจค้นพบการกระทำความผิดจริง โดยเต้นท์ดังกล่าวประกอบกิจการเกี่ยวกับการซื้อขาย จำหน่ายแลกเปลี่ยน รถยนต์มือสอง หรือรถยนต์ใช้แล้ว โดยมีลักษณะการหลอกลวงประชาชน อาทิ หลอกซื้อรถโดยการจ่ายเงินไม่ครบ หรือหลอกซื้อรถที่ติดไฟแนนซ์แต่ไม่ยอมปิดไฟแนนซ์ให้ตามที่ตกลง และหลอกขายรถติดไฟแนนซ์คันอื่นให้ผู้เสียหายในเวลาเดียวกันหลอกให้เอาโฉนดที่ดินมาฝากขายเป็นเงินดาวน์ แล้วปล่อยกู้เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ขณะเดียวกันพบว่าระหว่างการประกอบกิจการได้มีการขยายกิจการมาโดยตลอด สวนทางกับบัญชีงบดุลที่แจ้งการขาดทุนมาโดยตลอด อันเป็นการแสดงเจตนาเลี่ยงภาษี อีกทั้งมีประชาชนในพื้นที่แจ้งความ 61 ราย

ต่อมาชุดทำงานจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์ออกหมายจับผู้ร่วมกระทำความผิด 5 ราย ประกอบไปด้วยห้างหุ้นส่วนนิ่มนวลยนตรการ โดยนางนิ่มนวล สีสันงาม/นายสมบูรณ์ ยือรัมย์/นางวิกานดา ม่วงอยู่,และนางสาวกมลพร อัญชลี ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ฐานความผิด ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต,ให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด,จัดหามาซึ่งเงินทุนให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ปลอมและใช้เอกสารปลอม โดยได้นำกำลังเข้าตรวจค้นตามที่พักอาศัยและเต้นท์รถในอำเภอสตึก ซึ่งติดตามพฤติกรรมของแก๊งนี้ จนแน่ใจว่ามีการหลอกลวงประชาชนเข้าข่ายฉ้อโกงและใช้เอกสารราชการปลอม จึงได้สั่งให้แกะรอยเส้นทางการเงินกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวตั้งแต่ปี 2554-2561 พบมีเงินหมุนเวียนกว่า 231 ล้านบาท อีกทั้งธุรกิจนี้ไม่มีใบประกอบการซื้อขายตามกฎหมายด้วย และเตรียมจะขยายผลเข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่ รวมทั้งหากพบมีการหลบเลี่ยงภาษีก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 4 รายยังคงให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ในเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง4ราย พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการเยียวยาเพื่อชดใช้ให้ผู้เสียหาย ส่วนสาเหตุนั้นมาจากปัญหาเรื่องการเงินเป็นหลัก มีเงินหมุนเวียนไม่เพียงพอจนเกิดผลกระทบตามมา

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *