นายอนันต์ชัย ไชยเดช พร้อม ด้วยนายประเสริฐ พิมพาภรณ์ อายุ 75 ปี เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.เอส.โอ.อิมปอร์ต(ไทยแลนด์) ซึ่งเป็นโรงงานนำเข้า ขายยางรถยนต์ ในจังหวัดสมุทรสาคร ผู้เสียหาย เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อแจ้งดำเนินคดีกับ เจ้าหน้าที่ กอ.รมน จ.สมุทรสาคร / ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.สมุทรสาคร/ ตำรวจ สภ.จ.สมุทราสาคร /เจ้าหน้าที่จัดหาแรงงาน จ.สมุทราสาคร /เจ้าหน้าที่ปกครองจังหวัด สมุทรสาคร รวม 29 ราย ในหลายข้อหา อาทิ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด /รวมกันบุกรุกเคหสถาน/ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ/ ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญ ฯลฯ
นายอนันตชัย กล่าวว่าเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทหาร กอ.รมน.สนธิกำลัง นำคำสั่ง คสช ที่ 13/2559 ร่วมกับ ตร./ ตม และอีกหลายหน่วยงาน บุกตรวจค้นและจับกุมนายประเสริฐในโรงงาน จ.สมุทรสาคร โดยอ้างว่าในโรงงาน มีแรงงานเถื่อน ซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่เป็นจำนวนมาก แต่จากการตรวจค้นจับกุมแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานอย่างกฎหมาย แต่ใบอนุญาตหมดอายุ ได้เพียง 1 คน พร้อมได้ยึดเอกสารโฉนดที่ดินของนายประเสริฐ ไปรวม 52 ฉบับ จากนั้น เจ้าหน้าที่ ได้แสดงหมายจับของศาลจังหวัดหัวหินลงวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่าน แต่ไม่ได้มีการจับกุมนำตัวนายประเสริฐ ส่งที่สภ.หัวหิน เจ้าของพื้นที่แต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังมีการเจรจา ให้มีการทำบันทึกข้อตกลงในการลดหนี้และดอกเบี้ยให้กับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเป็น ลูกหนี้ ที่มาชักชวนให้ร่วมลงทุน สร้างบ้านจัดสรร เมื่อปี 2559 โดยนายประเสริฐ ได้มีการทำสัญญากู้เงิน 15 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15ต่อปี ซึ่งหญิงคนดังกล่าวได้มอบโฉนดที่ดินไว้เป็นหลักประกัน และสัญญาจะให้ผลตอบแทนอัตราร้อยละ 15 ต่อปีแต่ปรากฏว่าได้ผลตอบแทนการลงทุนเพียง 600,000 บาทซึ่ง ไม่ใช่ดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
พร้อมมองว่า การกระทำของ เจ้าหน้าที่ดังกล่าว โดยใช้คำสั่งของ คสช. เป็นเครื่องมือ เป็นการกระทำที่มิชอบ กลั่นแกล้งประชาชน ผู้บริสุทธิ์ และยังเป็นการหาผลประโยชน์ในเรื่องส่วนตัว อีกทั้งทำให้ผู้เสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ธุรกิจการค้าเสียหาย จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในวันนี้
อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้รับเรื่องไว้ พร้อมส่งเรื่องต่อให้กับตำรวจ ปปป. ดำเนินการต่อ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหา เป็นข้าราชการ ทหารตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ