นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมด้วยนางพยุง สร้อยทอง นายสมจิต ฉิมมา และ นายฝน นำพยานหลักฐานเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรมและแจ้งความดำเนินคดีกับชุดคณะกรรมการสอบสวน สภ.สระยายโสม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และแพทย์ที่เกี่ยวข้องรวม 13 ราย ในกรณี ที่นายฝน ถูกตำรวจแจ้งดำเนินคดีในข้อหาพรากผู้เยาว์
จากเหตุการณ์เด็กชายซูลุยผิว หรือ น้องต้าแง ชาวพม่า วัย 2 ขวบ เสียชีวิตในร่องน้ำกลางไร่อ้อย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี นายอนันต์ชัย กล่าวว่า จากพยานหลักฐานที่ตนเองนำมาในวันนี้ เพียงพอที่จะระบุได้ว่าขั้นตอนการทำงานของตำรวจ สภ.สระยายโสม มีพิรุธน่าสงสัย ทำให้ครอบครัวนายทองขวัญ ไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากหลักฐานรายงานผลการตรวจวินิจฉัยและประเมินความสามารถของนายฝนจากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ระบุ ว่านายฝนมีอายุสมองเทียบเท่าความสามารถเด็กอายุ 7 ปี และปัญญาอ่อนระดับกลาง ทำให้ไม่สามารถต่อสู้คดี หรือรับรู้ถึงผลที่เกิดขึ้นจากคดี และไม่สามารถตอบได้ตรงคำถาม รวมถึงการตัดสินใจไม่ดี มีปัญหาควบคุมอารมณ์เมื่อถูกกระตุ้น ซึ่งหากอ้างอิงหลักฐานของสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ฉบับนี้ จึงพบว่าขัดต่อบันทึกการจับกุมของทางตำรวจ ที่ระบุว่านายฝน อ่านใบจับกุมด้วยตนเอง รับทราบและไม่ต้องการแจ้งให้ญาติทราบ ถึงการจับกุม ทั้งที่ความจริงแล้ว นายฝน อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้
นายอนันต์ชัย กล่าวเพิ่มเติม เมื่อประมวลจากหลักฐานของแพทย์ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรสระยายโสม จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ในการยกคำร้องขอฝากขังและปล่อยตัวผู้ต้องหา เนื่องจากการกระทำของผู้ต้องหาไม่มีความผิดเพราะขาดเจตนา แต่หลักฐานสำคัญอีกหนึ่งอย่างคือวันที่พบศพน้องต้าแง ตำรวจนำนายฝนไปชี้ แต่นายฝนพาไปชี้ผิดจุด ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุไปกว่า 40 เมตร แต่ตำรวจกลับนำตัวนายฝนกลับมาตรงจุดทที่พบศพและพูดนำให้นายฝนยอมรับ ทำให้ถูกจับกุมตัวในที่สุด จึงส่งผลให้ผู้ต้องหาตัวจริงลอยนวล
จากนี้ทนายอนันต์ชัย จะนำนายฝน ไปร้องเรียนยังสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม รวมถึงจะเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้แก่นายฝน เป็นมูลค่า 10 ล้านบาท ต่อไป